fbpx

12 ข้อดีจากการให้นมแม่

Writer : giftoun
: 14 สิงหาคม 2561

นมแม่ถือว่ามีประโยชน์ต่อลูกมากเลยก็ว่าได้ ซึ่งนอกจากนี้ยังมีข้อดีอื่นๆ ที่มีต่อคุณแม่และลูกอีกหลายข้ออีกด้วย จะมีอะไรบ้างนั้นมาดูกันเลยค่ะ

ช่วยลดน้ำหนักคุณแม่

ช่วยลดน้ำหนักแม่ในระยะหลังคลอด โดยน้ำหนักจะค่อยๆ ลดประมาณ 0.6-0.8 กิโลกรัม/เดือน เนื่องจากมีการเผาผลาญไขมันที่เก็บสะสมไว้ในระยะตั้งครรภ์เพื่อใช้ในการสร้างน้ำนม ทำให้คุณแม่กลับมามีรูปร่างที่สวยงามได้เร็ว มีการศึกษาว่า การให้นมแม่ถึงอายุ 1 ปี แม่จะมีน้ำหนักใกล้เคียงกับเมื่อก่อนตั้งครรภ์ค่ะ

เกิดผื่นผ้าอ้อมน้อยกว่า

ผื่นผ้าอ้อมเกิดจากความอับชื้น และเกิดปฏิกริยาของเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งกรณีที่เราเลี้ยงลูกด้วยนมวัวนั้น ของเสียของลูกจะมีเชื้อแบคทีเรียมากกว่า เมื่อมารวมกับความอับชื้น (จากการใส่ผ้าอ้อม) ผิวของลูกจะเกิดอาการ ผื่นแดงๆ (จึงเรียกว่าผื่นผ้าอ้อม) ซึ่งหากเราเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมแม่ ของเสียของลูกจะมีเชื้อแบคทีเรียน้อยกว่ามาก โอกาสที่ลูกจะต้องทรมานกับอาการผื่นผ้าอ้อมก็จะลดลงด้วยค่ะ

ลดโอกาสภูมิแพ้ผิวหนัง

การกินนมแม่สามารถลดโอกาสภูมิแพ้ผิวหนังได้ถึง 42 % ในช่วงที่ลูกกินนมแม่อย่างเดียวนั้นจะไม่ได้รับโปรตีนจากนมวัว ซึ่งเป็นโปรตีนที่สามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของลูก และทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ ดังนั้นลูกที่กินนมแม่จึงมีอัตราการเกิดโรคภูมิแพ้น้อยกว่าค่ะ

นมแม่ปลอดภัยกับลูก

นมแม่ถือว่าเป็นสารอาหารที่ปลอดภัยต่อร่างกายลูกน้อยแบบมั่นใจได้ มากกว่านมจากสัตว์ชนิดอื่นๆ และมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อลูกแน่นอนค่ะ

พร้อมดื่มได้ตลอดเวลา

คุณสมบัติที่พิเศษที่หานมอื่นๆ ในโลกนี้ไม่ได้อีกแล้วนั้นคือ การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่นั้น คุณแม่ไม่ต้องกังวลว่านมแม่นั้นจะร้อนเกินไป หรือเย็นเกินไปสำหรับลูก เพราะนมแม่ที่ออกมาจากเต้านั้น จะมีอุณหภูมิที่พอเหมาะกับ ลูกของเราทันที ซึ่งคุณแม่ไม่ต้องกังวลว่านมนั้นจะร้อนเกินไปหรือเย็นเกินไปค่ะ

ดื่มได้สะดวกทุกที่

นมแม่เป็นแหล่งเติมพลังของลูกน้อยของคุณแม่ที่สามารถให้ลูกกินได้ตลอด 24 ชม. เมื่อไรที่ลูกหิว (ถ้ามีอุปกรณ์ให้นมที่พร้อม) คุณแม่ก็สามารถให้ลูกกินนมจากอกของเราได้ทันที แบบไม่ต้องพกขวด น้ำร้อน ฯลฯ ให้ยุ่งยาก ถือว่าสะดวกและรวดเร็วทันใจลูกที่สุดแล้วค่ะ

นมแม่ดีกับสมองลูก

นมแม่เป็นอาหารที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของสมอง และส่งเสริมพัฒนาการที่ดี ช่วยสร้างเชาว์ปัญญาได้เต็มที่ การอุ้มลูกขึ้นดูดนมแม่เป็นการกระตุ้นประสาทสัมผัสทุกส่วนของลูก ทำให้สมองได้รับสัญญาณประสาทส่งเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ สมองที่ถูกกระตุ้นบ่อยๆ เส้นประสาทจะรับสัญญาณการเรียนรู้เร็วขึ้นด้วยค่ะ

ลดความเสี่ยงกระดูกพรุน

การให้นมลูกทำให้คุณแม่นั้นลดความเสี่ยงต่อภาวะกระดูกพรุน เนื่องจากมีการสร้างมวลกระดูกจะสูงมากหลังหยุดให้นมแม่ และจะยังมีผลต่อไปอีก 5-10 ปีอีกด้วยค่ะ

ลดความเสี่ยงเบาหวาน

นอกจากนี้ยังลดความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานชนิดที่ 2 อีกด้วยโดยเฉพาะคุณแม่ที่เป็น GDM ซึ่งกลไกคิดว่าเกิดจากการที่มีน้ำหนักตัวลดลง การเปลี่ยนแปลงสัดส่วน การกระจายของไขมัน และความไวต่อการตอบสนองของอินซูลินค่ะ

ไม่ทำให้ลูกอ้วนจนเกินไป

บ่อยครั้งเด็กแรกเกิดที่เห็นอ้วนจ้ำหม้ำน่ารักนั้นก็มีน้ำหนักตัวเกินมาตราฐาน สาเหตุมาจากการเลี้ยงลูกด้วยนมวัวหรือนมสังเคราะห์ชนิดอื่นๆ นั้นเอง ในขณะที่การ เลี้ยงลูกด้วยนมของคุณแม่เองนั้น ลูกของเราจะไม่มีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัวเกินเลย น้ำหนักตัวของลูกจะเป็นไปตามมาตราฐานของเด็กในแต่ละวัยแบบธรรมชาติค่ะ

 

ระบบทางเดินอาหารดีขึ้น

การกินนมแม่นั้นจะทำให้ลดโอกาสโรคท้องเสียและลำไส้อักเสบน้อยกว่า 64% ในน้ำนมแม่มีสารอาหารที่ปกป้องลูกน้อยในระบบทางเดินอาหาร ประกอบด้วย

  • Secretory antibodies ทำหน้าที่ดักจับสิ่งแปลกปลอม
  • Oligosaccharides และ Glycoconjugates กระตุ้นการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพของทารก
  • Lactoferrin สามารถกำจัดเชื้อราที่เป็นอันตราย อีกทั้งยังป้องกันโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ
  • Anti-inflammatory effects นมแม่มีการต่อต้านการอักเสบซี่งมีประโยชน์ต่อสำไส้ของทารก
  • Prebiotic effects ในนมแม่มีน้ำตาลที่มีคุณสมบัติเป็นอาหารสำหรับการเจริญเติบโตของแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ใหญ่

สานสัมพันธ์ระหว่างแม่และลูก

การให้ลูกได้ดูดนมจากอกคุณแม่เองนั้น ลูกก็จะได้มองหน้าคุณแม่ของตัวเอง ซึ่งช่วงเวลาที่ให้นมลูกนั้น เป็นช่วงเวลาที่ทรงคุณค่าที่สุด เพราะแม่ลูกจะได้สบตา ได้พูดคุย ได้แสดงความรักต่อกัน ทำให้ลูกสามารถรับรู้ได้ว่าแม่ของเขารักเขามากแค่ไหน นอก จากนั้นการที่ลูกดูดนมจากอกของแม่บ่อยๆ จะทำให้ลูกจำกลิ่น เสียง หน้าตา และสัมผัสต่างๆ ของแม่ได้เร็ว ถือว่าเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย มีแต่คุณแม่ที่เคยให้ลูกดูดนมจากอกตัวเองเท่านั้นถึงจะบรรยายความรู้สึก ความสุขใจ ที่เกิดขึ้นในตัวของแม่คนนั้นได้เอง

จะเห็นได้ว่าข้อดีของการให้นมแม่นั้นมีมากกว่าที่คุณแม่คิดเสียอีก รู้แบบนี้แล้วก็ลองหันมาให้นมแม่กันเยอะๆ นะคะ ส่วนถ้าคุณไหนที่มีน้ำนมไม่เยอะก็ไม่ต้องเครียดไปค่ะ ลองปรึกษาคุณหมอ ทำอารมณ์ให้เเจ่มใส รับรองเดี๋ยวน้ำนมก็มาเพียบแน่นอนค่ะ : D

ที่มา

Writer Profile : giftoun


  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



20 คำที่ไม่ควรพูดกับลูก
กิจกรรมของครอบครัว
6 สถานที่ที่เหมาะพาลูกไปปั่นจักรยาน
กิจกรรมของครอบครัว
วิธีช่วยให้ลูกมีนิสัยรักการอ่าน
กิจกรรมของครอบครัว
7 เหตุผลที่ควรพาลูกไปเที่ยวญี่ปุ่น
กิจกรรมของครอบครัว
5 ข้อดีของการมีลูกคนเดียว
เตรียมตัวเป็นแม่
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save