fbpx

คุณพ่อคุณแม่เตรียมให้พร้อม 5 ทักษะ ก่อนลูกน้อยจะเข้าอนุบาล

Writer : OttChan
: 31 มีนาคม 2564

เป็นกันทุกบ้านอย่างแน่นอนว่าพอจะส่งเจ้าตัวเล็กของเราเข้าโรงเรียน ก็มักจะกังวลว่าเขาจะดูแลตัวเองได้หรือไม่ ใช่ไหมคะ ดังนั้นจึงสำคัญมากที่เราต้องฝึกฝนทักษะสำคัญเพื่อให้เขาดูแลตัวเองได้ซึ่งสิ่งที่จอมซนของเราควรฝึกไว้ก่อนจะต้องเข้าเรียนก็มีด้วยกันทั้งหมด 5 ทักษะล่ะ! จะมีอะไรบ้าง เราไปดูด้วยกันเลยค่ะ

ทักษะที่ 1 การสื่อสาร

อยากแรกเลยที่เจ้าตัวเล็กต้องทำได้คือสามารถสื่อสารกับบุคคลอื่นๆได้เพื่อบอกความต้องการ, ความรู้สึกหรือแม้แต่การปฏิเสธหรือถามคำถามที่สงสัยในการเรียนค่ะ เพราะการสื่อสารเป็นสิ่งที่จะช่วยให้การดูแลนั้นง่ายขึ้นไม่ว่าจะเป็นการบอกขอไปเข้าห้องน้ำ, รู้สึกไม่สบายหรือแม้แต่มีเรื่องไม่สบายใจ ซึ่งเพียงฝึกฝนให้สามารถพูดได้ด้วยประโยคสั้นๆ ก็นับว่าสามารถช่วยได้มากแล้วกับการสื่อสาร

ทักษะที่ 2 ทานข้าวได้ด้วยตนเอง

เพราะการทานอาหารเป็นทักษะที่สำคัญ ทั้งการจับช้อนส้อม, การเคี้ยวหรือแม้แต่การเปิดฝากล่องอาหารเพื่อเตรียมทานก็เป็นสิ่งที่ต้องฝึกไว้ก่อนเข้าอนุบาลค่ะ เพราะแน่นอนว่าบางบ้านอาจจะเจอปัญหาลูกไม่ค่อยชอบทานอาหาร ทำให้ต้องคอยป้อน คอยพยายามเชียร์ให้ทานซึ่งหากยังฝึกไม่ได้ก่อนไปทานข้าวอย่างพร้อมหน้ากับเพื่อนๆ ก็อาจกลายเป็นสิ่งที่ติดขัดได้เมื่อถึงเวลาพักกลางวันแล้วลูกทานอาหารไม่หมดหรือรอคนอื่นป้อนถึงจะยอมกิน

ทักษะที่ 3 ใส่เสื้อผ้า และรองเท้าเองได้

ในการเรียนนั้น มักต้องเจอเสมอกับการบอกให้ใส่รองเท้า, ถอดรองเท้า รวมไปถึงการแต่งตัวในแต่ละชุดของการเรียนเช่น เรียนว่ายน้ำ, เรียนพละหรือศิลปะที่ต้องเปราะเปื้อนจนต้องเปลี่ยนชุดใหม่ ฉะนั้นทักษาะการใส่-ถอดรองเท้า, ติดกระดุมหรือรูดซิปก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มองข้ามไม่ได้เลยล่ะค่ะ ต้องฝึกฝนให้เจ้าตัวเล็กของเราทำเป็นเพื่อทำให้ลูกของเราได้พัฒนาการเรียนรู้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

ทักษะที่ 4 การจดจำ

แน่นอนว่าการไปอยู่ร่วมกับเพื่อนๆ คนอื่น ย่อมมีสิ่งของหลายอย่างที่หน้าตาคล้ายกัน และอาจทำให้เกิดการจำสลับได้ใช่ไหมคะ ทั้งแปรงสีฟัน, แก้วน้ำ, รองเท้าหรือกระเป๋า ฉะนั้นทักษะการจดจำจึงสำคัญมากๆ เลยเราต้องให้คนเก่งของเราจำให้ได้ว่าชิ้นไหนคือของลูก ชิ้นไหนที่เขาเอามาด้วย จะได้ไม่เกิดการสูญหาย หรือจำไม่ได้ว่าของชิ้นไหนเป็นของตนเองรึเปล่า และจะให้ดีที่สุด ต้องเขียนชื่อบนของทุกชิ้นเท่าที่จำเป็นเลยเพื่อกันการสลับหรือหายค่า

ทักษะที่ 5 การขับถ่าย

อีกหนึ่งสิ่งสำคัญเมื่อลูกอายุ 3 ขวบขึ้นไปก็จะเป็นช่วงที่เขาเริ่มไม่ใส่ผ้าอ้อมหรือแพมเพิสแล้ว ทำให้การฝึกที่จะขึ้นไปนั่งชักโครกเองก็สำคัญไม่แพ้ทักษะข้ออื่นเลยค่ะเพราะนอกจากจะเป็นการฝึกให้ขับถ่ายเป็นเวลาแล้ว ยังทำให้ลูกรู้จักการขออนุญาตกับคุณครูอีกด้วย ซึ่งเป้นการฝึกให้เจ้าตัวเล็กได้พูดคุยกับคนอื่น รู้จักที่จะบอกความรู้สึกของตน

Writer Profile : OttChan

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save