fbpx

7 วิธีเลือกที่นอนให้ลูกน้อยนอนหลับสบาย

Writer : giftoun
: 7 กุมภาพันธ์ 2561

 

การนอนของลูกเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราเมื่อนอนหลับสนิท ร่างกายจะได้พักผ่อน การเจริญเติบโตของร่างกายเป็นไปอย่างสมบูรณ์ พัฒนาการต่างๆ ก็เป็นไปตามวัย เมื่อการนอนสำคัญกับลูกแล้ว การเลือกที่นอนก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน จะมีวิธีไหนบ้างที่จะเลือกที่นอนให้ลูกน้อยนอนหลับสบาย มาไล่ดู 7 ข้อนี้กันเลยค่ะ

ที่นอนไม่ยุบง่ายหรือนิ่มมากเกินไป

ควรเลือกที่นอนที่แน่นแต่ไม่แข็งมาก และไม่นุ่มมากเกินไป เพราะเวลาลูกนอนอาจจะต้องคว่ำหน้า หากเลือกที่นอนนิ่มเกินไปหน้าของลูกอาจจะจมไปกับที่นอนทำให้ขาดอากาศหายใจและทำให้เสียชีวิตได้

ไม่ควรใช้ที่นอนเก่าเกินไป

กระดูกเด็กเล็กยังไม่แข็งแรงมากนักควรเลือกที่นอนที่ดีไม่เก่าเกินไป เพราะที่นอนเก่าจะมีรอยบุ๋ม หรือยุบตัวช่วงตรงกลาง กระดูกของลูกอาจจะพัฒนาได้ไม่เต็มที่ หรือกระดูกอาจผิดรูปผิดโครงสร้างที่ควรจะเป็นได้ค่ะ

ดูน้ำหนักตัวลูก

น้ำหนักตัวที่ต่างกันมีผลต่อการเลือกที่นอนเพราะเด็กบางคนน้ำหนักตัวมาก หรือเป็นเด็กอ้วนควรเลือกที่นอนที่แข็งแรง สามารถรับน้ำหนักตัวได้ ถ้าลูกตัวเล็กก็เลือกแบบนุ่มได้นิดหน่อยค่ะ

ควรเลือกที่นอนที่ทำความสะอาดได้ง่าย

ควรเลือกที่นอนที่ทำความสะอาดได้ง่าย ที่นอนที่มีปลอกหุ้มก็จะดีมากเพราะเมื่อลูกปัสสาวะรด คุณแม่ก็สามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้เลยค่ะ

พาลูกไปเลือกที่นอนด้วย

พาลูกไปเลือกที่นอนด้วยได้ก็จะดีค่ะ ให้ลูกได้ลองนอนดูกว่าแข็งเกินไปหรือนุ่มเกินไปหรือไม่ เมื่อลูกลองนอนก็ลองเอามือสอดใต้ตัวลูกดูค่ะ ถ้าสอดมือเข้าไปลำบากแสดงว่าที่นอนนิ่มเกินไปควรเลือกแบบพอดีกันไม่ให้ลูกนอนคว่ำแล้วหายใจไม่ออกค่ะ

หลีกเลี่ยงร่องเตียง

เพราะร่องเตียงนั้นเสี่ยงต่อการที่ลูกกลิ้งตกลงไปได้ง่ายมาก ดังนั้นควรเลือกเตียงผืนเดียวกันมากกว่าเตียงที่นำมาต่อกันจนเกิดเป็นร่องค่ะ

เลือกเบาะบางๆ ที่มีความแข็งกำลังดี

ที่นอนที่ปลอดภัยของทารกไม่ใช่ฟูกหนาๆ แต่คือเบาะบางๆ ที่มีความแข็งกำลังดี ทารกน้อยที่นอนบนฟูกหนานอกจากเสี่ยงต่อการตกลงไปในช่องว่างระหว่างฟูก ยังเสี่ยงที่ใบหน้า จมูกของเด็กจะจมลงไปแล้วกดจมูกและปากเป็นเหตุให้ขาดอากาศหายใจ เสียชีวิตได้ค่ะ

เด็กอายุ 2 ขวบแรกควรจัดให้นอนเตียงเด็กอย่างถูกวิธีได้อย่างไรบ้าง

  • เตียงเด็กต้องมีราวกันตกที่มีซี่ราวห่างกันไม่เกิน 6 ซม.
  • ราวกันตกจะต้องมีตัวยึดแน่น เด็กไม่สามารถเหนี่ยวให้เคลื่อนไหวได้เอง ไม่อ้า ไม่เผยอจนเกิดช่องห่างจากเตียงจนลำตัวเด็กลอดตกได้
  • เบาะที่นอนต้องพอดีกับเตียง และไม่มีช่องว่างระหว่างเบาะกับราวกันตก
  • มุมเสาทั้ง 4 มุมต้องเรียบ มีส่วนนูนได้ไม่เกิน 1.5 มม.
  • ผนังเตียงด้านศีรษะและเท้าต้องไม่มีการตัดตกแต่งให้เกิดร่อง รู
  • จากขอบบนของเบาะที่นอนถึงราวกันตกด้านบน ต้องมีความสูงไม่ต่ำกว่า 65 ซม.
  • เด็กอายุ 2 ปีหรือความสูงเกินกว่า 89 ซม.มีความเสี่ยงต่อการปีนราวกันตกและตกจากที่สูงได้ ึคุณพ่อและคุณแม่ต้องระวัง

การนอนของลูกน้อย เป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจอย่างพิเศษไม่แพ้เรื่องอื่นๆ เพื่อให้ลูกน้อยได้นอนหลับอย่างสบาย ตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น พร้อมสำหรับเช้าวันใหม่ เป็นการส่งเสริมพืฒนาการที่ดีให้กับลูกน้อยค่ะ

ที่มา

Writer Profile : giftoun


  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



กิจกรรมของครอบครัว กิจกรรมของครอบครัว
30 พฤษภาคม 2561
8 หลักสูตรสอนคุณพ่อให้เลี้ยงลูกเป็น
กิจกรรมของครอบครัว
CAR SEAT กับเด็กแต่ละช่วงอายุ
ข้อมูลทางแพทย์
10 อันดับหนังที่เหมาะกับเด็ก
กิจกรรมของครอบครัว
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save