fbpx

7 วิธี สร้างบ้านให้เป็น Safe Zone สำหรับลูกทุกคน

Writer : blahblahboong
: 14 มกราคม 2562

ทุกคนคงเคยได้ยินกันว่า บ้านเป็น Safe Zone สำหรับทุกคน แต่มีเด็กจำนวนไม่น้อยเลยที่เลือกหันหลังให้กับบ้านของตัวเอง ในยามที่ชีวิตต้องเผชิญปัญหา เพื่อไม่ให้ลูกของเรารู้สึกไม่ปลดภัยในที่ที่ควรจะปลอดภัยที่สุด เรามาทำให้บ้านเป็นสถานที่พักใจที่ดีที่สุดกันเถอะนะคะ

มีความรักให้แก่กันและกัน

ความรักเป็นพื้นฐานสำคัญของครอบครัว เชื่อว่าทุกคนล้วนมีความรักให้แก่กันอยู่แล้ว แต่เรื่องที่สำคัญที่สุดคือการแสดงออกซึ่งความรักอย่างถูกวิธี คุณพ่อคุณแม่ควรทำให้ความรักเป็นสิ่งสัมผัสได้ ทำให้ลูกรับรู้ถึงความรักและปรารถนาดีในครอบครัวค่ะ

เป็นกำลังใจ ในทุกเหตุการณ์ของชีวิต

กำลังใจ เป็นเรื่องสำคัญ การใช้คำพูดเชิงบวกให้กำลังกันอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ลูกมีจิตใจที่เข้มแข็ง พ่อแม่หลายๆ ท่านอาจจะคิดว่า การพูดชมบ่อยๆ จะทำให้ลูกติดคำชมจนเคยตัว ตรงกันข้ามเมื่อลูกทำผิดพลาดกลับ กล่าวโทษไปเสียหลายวัน นี่แหละค่ะเป็นการปลูกฝังความคิดเชิงลบให้กับลูก เด็กคนนึงต้องการแค่คำชมง่ายๆ จากที่เขารักก็เพียงพอแล้วค่ะ

อยู่เคียงข้าง ไม่ปล่อยให้ต้องเผชิญปัญหาเพียงลำพัง

หลายๆ ปัญหา อาจจะใหญ่โตเกินกว่าที่เด็กคนนึงจะสามารถรับมือได้เพียงลำพัง พ่อแม่ควรรับรู้ถึงปัญหาของลูก อย่างน้อยก็ต้องเฝ้ามองห่างๆ อย่าคิดว่าทุกปัญหาเป็น “เรื่องแค่นี้เอง” ไม่ควรตำหนิหากลูกไม่สามารถรับมือกับปัญหาต่างๆ ได้ อยู่เคียงข้าง เป็นทีมเดียวกันช่วยกันฝ่าฟันปัญหาต่างๆ ด้วยกัน จะช่วยให้ลูกเปิดใจ ไม่เก็บปัญหาทุกอย่างไว้เพียงลำพังค่ะ

ไม่คาดหวัง ให้ลูกต้องสมบูรณ์แบบ

ความสมบูรณ์อาจจะเป็นสิ่งที่หลายคนคิดว่าเป็นความสวยงาม ลูกต้องเรียนเก่ง เป็นเด็กเรียบร้อย โตขึ้นต้องเป็นหมอ แต่เหนือกว่าความสมบูรณ์แบบก็คือ “ความสุข” เด็กคนนึงไม่ควรที่จะต้องแบกความคาดหวังของคนอื่น ทุกคนสมควรที่จะมีความสุขกับความเป็นตัวเอง และสิ่งที่ตัวเองเลือกค่ะ

ห้ามเอาลูกไปเปรียบเทียบ

ไม่มีใครชอบการถูกนำไปเปรียบเทียบ ไม่ว่าจะกับเรื่องใดๆ ก็ตาม ก็ที่คุณพ่อคุณแม่พูดว่า ลูกของคุณน้าเรียนเก่งกว่าหนูอีก, เด็กข้างบ้านหน้าตาน่ารักกว่านะ, ดูสิเด็กคนนั้นเค้าไม่เห็นดื้อเหมือนลูกเลย รู้หรือไม่คะ การเปรียบเทียบแบบนี้สร้างบาดแผล สร้างความทุกข์ในใจให้กับลูกได้ไม่น้อยเลยนะคะ อีกทั้งยังส่งผลในระยะยาว ทำให้เด็กกลายเป็นคนขี้อิจฉา ในที่สุดค่ะ

ความรุนแรงเป็นเรื่องต้องห้ามของครอบครัว

ความรุนแรง เป็นสิ่งทำร้ายจิตใจของเด็กได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการที่พ่อแม่ทะเลาะกันต่อหน้าลูก หรือการด่าทอกระทบลูกเพื่อให้อีกฝั่งนึงรู้สึกเจ็บใจ สิ่งเหล่านี้เป็นการปลูกฝังความไม่มั่นคงในจิตใจให้กับเด็ก ทำให้เด็กรู้สึกหวาดกลัวไร้ที่พึ่งพา และเมื่อมีปัญหาจึงเลือกที่จะหันไปพึงคนอื่นแทนครอบครัวของตัวเอง

คอยปกป้อง ดูแล เมื่อต้องเผชิญเรื่องราวเลวร้าย

เมื่อโลกภายนอกเลวร้าย ภายในบ้านต้องปลอดภัยและอบอุ่นเสมอ เพราะเราเป็นพ่อแม่ คนที่สร้างความอุ่นใจให้ลูกได้มากที่สุด ทำให้เค้ารู้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เป็นเราที่แหละที่จะอยู่เคียงข้าง และพร้อมที่ให้อภัยเค้าเสมอ

Writer Profile : blahblahboong

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



5 วิธีที่คุณพ่อเล่นกับลูกได้
ชีวิตครอบครัว
Emotions รู้ทันอารมณ์ต่างๆ ของลูก
ช่วงวัยของเด็ก
รวม 7 รายการทีวีสำหรับเด็ก จากช่องThaiPBS
กิจกรรมของครอบครัว
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save