fbpx

7 เคล็ดลับฉบับคุณแม่ฟูลไทม์ ลัคกี้ทั้งงานและครอบครัว

Writer : nunzmoko
: 2 ตุลาคม 2561

เชื่อว่าคุณแม่ทุกๆ คนก็ต้องการเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง แต่งานประจำก็ยังต้องทำอยู่ สิ่งสำคัญคือ คุณแม่ควรมีการวางแผนและเตรียมการแต่เนิ่นๆ เพื่อให้คุณแม่ มีเวลาลำดับความคิด จัดลำดับความสำคัญสิ่งที่ต้องทำ เพื่อให้จัดการงานและดูแลลูกๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปดูกันว่าจะมีเคล็ดลับอะไร ที่ช่วยทำให้คุณแม่ฟูลไทม์ บาลานซ์ชีวิต ให้ลัคกี้ทั้งงานและชีวิตครอบครัว

เคล็ดลับที่ 1 : สร้างปฏิทินครอบครัว

ให้คุณแม่ลองจัดตารางครอบครัวลงในปฏิทินเล่มใหญ่ ที่สามารถมองเห็นและดูกันได้ทั้งครอบครัว จัดตารางวันและเวลาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมโรงเรียนของลูกในแต่ละวัน กิจกรรมครอบครัว วันเกิด นอกจากนี้ยังสามารถลงตารางหน้าที่ งานบ้าน กำหนดชำระบิลค่าใช้จ่ายต่างๆ ลงไปในปฏิทินด้วย เพื่อเตือนให้แต่ละคนในครอบครัว จำหน้าที่รับผิดชอบของตนเองได้ นอกจากการจดลงบนปฏิทินแล้วยังสามารถใช้ Google Calendar เพื่อง่ายต่อการแชร์บนสมาร์ทโฟน ง่ายต่อการลำดับความสำคัญ การแจ้งเตือนเหตุการณ์ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งการที่คุณแม่ได้ตระเตรียม กำหนดแผนต่างๆ ไว้ล่วงหน้าจะช่วยให้คุณแม่จัดการชีวิตครอบครัวได้ง่ายขึ้น ป้องกันการลืมและความผิดพลาด อีกทั้งยังประหยัดเวลาในการคิดกิจกรรมต่างๆ เมื่อวันหยุดมาถึงได้มากเลยทีเดียว

เคล็ดลับที่ 2 : ทำความเข้าใจกับเจ้านาย

คุยกับนายเรื่องแผนของคุณก่อน และขอความสนับสนุนหรือให้เขาช่วยหาทางออกให้ในปัญหาบางเรื่อง ถึงจะวางแผนล่วงหน้าเอาไว้แล้ว แต่คุณก็ควรจะยืดหยุ่นพอจะปรับเปลี่ยนแผนบ้างในบางครั้ง ที่สำคัญคุณแม่ควรจัดตารางเวลาการทำงาน ทางเลือกต่างๆ ที่สามารถทำงานในแต่ละชิ้นรวมถึงระยะเวลาการทำงาน เตรียมเอกสาร การประชุมต่างๆ ให้เป็นไปตามกำหนด การเตรียมไว้ล่วงหน้า เพื่อกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้

เคล็ดลับที่ 3 : คุยกับลูกในเวลาที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน

ติดต่อกับลูกในเวลาที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน แม้คุณแม่จะออกไปทำงาน แต่ถ้ามีเวลาควรหาเวลาโทรหาลูก วิดิโอคอลหรืออาจจะบันทึกเสียง อัดคลิปวิดิโอไว้ให้ลูกไว้ดูระหว่างวันในเวลาที่คุณแม่ไม่อยู่ เพื่อให้ลูกน้อยรู้สึกอุ่นใจ รู้ว่าคุณไม่ได้ทิ้งไปไหน แล้วถ้าคุณแม่ต้องพลาดหรือไปนัดของลูกช้า ควรเขียนโน้ตทิ้งไว้ให้ลูกรู้หรือทำบางอย่างที่พิเศษให้ลูกในตอนเช้า บอกให้ลูกเข้าใจ และอีกเคล็ดลับ ก็คือบอกลูกว่าถ้าแม่กลับมาจะมีอะไร หรือทำอะไรพิเศษให้ ก็เป็นอีกวิธีที่จะรักษาความสัมพันธ์ระหว่างคุณแม่ทำงานฟูลไทม์ที่ไม่ค่อยมีเวลากับลูกน้อยไว้ได้อย่างดีค่ะ

เคล็ดลับที่ 4 : ขอแรงสนับสนุนจากเพื่อนร่วมงาน

ถ้าคุณแม่อยู่ในช่วงที่เป็นแม่ลูกอ่อน เพิ่งกลับมาทำงาน อาจมีเพื่อนร่วมงานของคุณบางคนบ่นเรื่องที่คุณไปปั๊มนมบ่อยๆ บางคนอาจจะอยากออกความเห็นเรื่องปั๊มของคุณ เรื่องนมที่แช่อยู่ในตู้เย็น หรือเรื่องเวลาที่คุณให้กับลูก คำพูดพวกนี้คงทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจนัก และอาจกลายเป็นเรื่องหมางใจกันระหว่างเพื่อนร่วมงานได้ คุณแม่อาจจะใช้อารมณ์ขันเวลามีคนพูดแหย่เรื่องนี้ และไม่ลืมที่จะขอบคุณเพื่อนร่วมงานที่เค้าทำงานแทนคุณในตอนที่คุณไม่อยู่ อีกทั้งบอกเพื่อนร่วมงานให้เข้าใจว่าลูกของคุณจำเป็นต้องได้รับนมแม่เนื่องจากเหตุผลทางการแพทย์ เพื่อให้เค้าเข้าใจคุณมากขึ้นค่ะ

เคล็ดลับที่ 5 : สรรหากิจกรรมครอบครัว

หากิจกรรมพิเศษทำร่วมกันในครอบครัวในช่วงวันหยุด ไม่ว่าจะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือวันหยุดยาวในเทศกาลต่างๆ ออกไปเที่ยว ทำกิจกรรมนอกบ้าน หรือถ้าครอบครัวไหนอยากพักผ่อนอยู่ที่บ้าน อาจจะทานอาหารเช้ามื้อพิเศษหรือดินเนอร์ร่วมกัน พร้อมพูดคุยกับลูกและคุณสามี ถึงเรื่องต่างๆ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ถามลูกเรื่องการเรียน เพื่อนของลูก กิจกรรมที่โรงเรียน ความสนใจของลูกและคนในครอบครัว เพื่อกระชับความสัมพันธ์และทำให้เข้าใจกันมากขึ้น

เคล็ดลับที่ 6 : ไม่ลืมใช้เวลาร่วมกับคุณสามี

ธรรมชาติของคู่รักหรือคู่ชีวิต ก็ต้องอยากให้เราเป็นคนสำคัญ เห็นความสำคัญในตัวเค้า เรามีวิธีค่ะ คือให้คุณแม่ลองหาเวลาออกไปเดทกับคุณสามีบ้าง จะเป็นช่วงสุดสัปดาห์ หรือช่วงเริ่มต้นเดือนใหม่ การออกไปใช้เวลาร่วมกันสองต่อสอง โดยไม่มีงานหรือลูกมาให้ปวดหัวบ้าง ก็ทำให้ชีวิตรักชุ่มชื้นดีไม่น้อย

เคล็ดลับที่ 7 : ให้เวลาเพื่อดูแลตัวเอง

ไหนจะงานไหนจะลูก คุณอาจจะรู้สึกว่านอกจากสองเรื่องนี้แล้วคงแทบไม่มีทางจะทำอะไรอย่างอื่น ให้คุณแม่ลองออกไปทำกิจกรรมหรืองานอดิเรกที่ชอบดูบ้าง หยุดพักสักเดี๋ยวดูแลตัวเอง ออกกำลังกาย เล่นโยคะ พบปะเพื่อนฝูง ทำสปา การหยุดพักและดูแลตัวเองเป็นการชาร์ตพลังให้ตัวคุณแม่เองได้เป็นอย่างดี พร้อมที่จะลุยงานและลูกๆ แสนซนได้อีกครั้ง

วิธีเลี้ยงดูให้มีความสุข รู้สึกภาคภูมิใจ มีกำลังใจในการพัฒนาตนเอง พ่อแม่ควรให้ความสำคัญกับรับฟังเรื่องราวที่เด็กกำลังบอกเล่าหรือต้องการความช่วยเหลือ สิ่งสำคัญคือ พ่อแม่ต้องเป็นที่พึ่งทางใจให้ลูก ร่วมทำกิจกรรมต่างๆ กับลูกให้ลูกอุ่นใจว่าเราไม่ได้ทิ้งไปไหน และไม่ลืมดูแลคุณสามีและตัวคุณแม่เอง เพื่อให้มีความสุขทั้งชีวิตงานและชีวิตครอบครัวค่ะ

ที่มา : 

Writer Profile : nunzmoko

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



คุณหลงรักลูกตอนไหน
ชีวิตครอบครัว
คำอวยพรของคนได้เป็นแม่ครั้งแรก
กิจกรรมของครอบครัว
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save