fbpx

8 การเดินทาง ของคุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ในฐานะของคนเป็นพ่อ

Writer : OttChan
: 24 พฤษภาคม 2565

คงเป็นที่ทราบกันดีสำหรับทุกคนว่าการเลือกตั้งในจังหวัดกรุงเทพมหานครฯ ในปี 2565 ตำแหน่งผู้ว่ากทม. เป็นของคุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่ไม่ว่าใครก็ต้องที่รู้จักในฐานะผู้แข็งแกร่ง โดยการสร้างสรรค์ทั้งประโยคในการหยอกล้อ หรือสร้างสรรค์ชิ้นงานอย่างภาพการ์ตูนหรือภาพตัดต่อ ทำให้เกิดอารมณ์ขันได้ทุกช่วงเวลา แต่นอกเหนือจากมุมมองของการรับอาชีพเป็นอาจารย์, นักการเมือง หรือคนดังในโลกออนไลน์แล้ว

ยังมีอีกหนึ่งมุมมองที่ไม่ค่อยมีใครรู้คือมุมมองของความเป็นพ่อ ที่คุณชัชชาติมีต่อลูกชายคนเดียวของเขาหรือน้อง แสนปิติ ที่มีสภาวะหูหนวกตั้งแต่แรกเกิด

จึงทำให้มิติชีวิตของคุณพ่อชัชชาตินั้นต้องต่อสู้ และพยายามทุกวิธีทางเพื่อช่วยให้ลูกชายเพียงคนเดียวของเขาได้มีโอกาส และคุณภาพชีวีตที่ดีได้เท่ากับเด็กธรรมดาทั่วไป จนมาถึงวันนี้ คุณชัชชาติทำสำเร็จแล้ว เพราะน้องแสนปิติ สามารถที่จะสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว เป็นเด็กที่สุขภาพร่างกาย และจิตใจดีมากๆ และนี่จึงเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่น่าสนใจ และอยากจะนำมาถ่ายทอดให้ทุกคนได้อ่านกันค่ะ

ซึ่งความรักที่คุณชัชชาติมีให้กับลูกชายทั้ง 8 ข้อนั้นจะเป็นแนวทางหรือการจุดไฟความหวังให้กับครอบครัวไหนได้บ้าง เรามาดูไปพร้อมๆ กันเลยค่า

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจากเพจ มนุษย์กรุงเทพฯ ในปี 2015

ลูกชายของผมเกิดปี 2000 ร่างกายภายนอกของเขาปกติดี กระทั่งวันหนึ่งมีคนทักว่า ทำไมเรียกแล้วไม่หัน พออายุหนึ่งขวบกว่าๆ ผมตัดสินใจพาไปตรวจ และพบว่าลูกชายของผมหูหนวก เคยเห็นเด็กหูหนวกส่งภาษามือ แต่ไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเอง เป็นวินาทีเปลี่ยนชีวิตเลย

ผมเริ่มซื้อหนังสือเกี่ยวกับคนหูหนวกมาอ่าน ศึกษาบทความต่างๆ ทางเลือกมีทั้งการฝึกใช้ภาษามือ แต่คนอื่นสื่อสารด้วยยาก สังคมก็จะแคบ หรือใช้เครื่องช่วยฟัง ซึ่งเหมาะกับคนที่มีการได้ยินเหลืออยู่บ้าง หรือวิธีอ่านปาก ซึ่งก็ต้องใช้พร้อมเครื่องช่วยฟัง แต่ลูกของผมหูหนวกสนิทเลย อีกทางคือ การผ่าตัดประสาทหูเทียม สิบกว่าปีที่แล้วเมืองไทยมีอยู่บ้าง แต่เด็กที่ผ่ามักไม่ประสบความสำเร็จ คือพูดไม่ได้ แต่ผมคิดว่าถ้าทำสำเร็จ เขาจะสื่อสารกับคนทั่วไปได้เลย ผมเลยเลือกทางนี้

ผมติดต่อไปหาหมอคนหนึ่งที่ออสเตรเลีย เขาผ่ามานับพันคนที่มีปัญหาหูหนวก บินไปคุยสองครั้งแล้วพาลูกไป พอรู้ว่าผ่าได้ ผมเป็นอาจารย์อยู่ เลยสอบเอาทุนจากรัฐบาลออสเตรเลียไปทำวิจัยแล้วพาลูกไปผ่าเมื่อธันวาคม 2002 ผ่าตัด 2 ชั่วโมง แต่สิ่งสำคัญกว่าคือเราต้องฝึกให้เขาเข้าใจเครื่องนี้

หลังจากผ่าตัด ช่วงแรกเขาไม่พูดเลย เราก็เครียด ไม่รู้ว่ามาถูกทางหรือเปล่า ถ้าผิดก็ไม่รู้จะกลับไปยังไง การผ่าก็ไปทำลายของเดิมทั้งหมด ตอนนั้นพ่อแม่ต้องฝึกอาทิตย์ละ 3 ชั่วโมง เพื่อกลับมาฝึกลูก 24 ชั่วโมงที่บ้าน หลังหกเดือนเขาก็เริ่มพูดได้

เครื่องช่วยฟังมีความละเอียดไม่เท่าหูคน ผมเลยเลือกฝึกภาษาอังกฤษเพราะวรรณยุกต์ไม่เยอะ ความรู้บนโลกนี้ส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ ถ้าเขาพูดได้ อนาคตคงเรียนภาษาไทยได้ หลังจากนั้นเขากลับมาอยู่โรงเรียนอินเตอร์ พูดอังกฤษได้ พูดไทยได้นิดหน่อย เป็นเด็กหูหนวกหนึ่งในไม่กี่คนที่เรียนโรงเรียนคนปกติได้

การมีลูกเป็นคนพิเศษ ทำให้ผมโฟกัสขึ้น ชีวิตเรามุ่งกับเขาเป็นหลัก ผมต้องดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี เพื่อที่จะอยู่กับเขาให้นานที่สุด เราอยู่เพื่อเขา

เวลาไหว้พระ ผมไม่เคยขอให้เขาเป็นเด็กเรียนเก่งเลย ผมขอให้เขาเข้าสังคมได้ มีเพื่อนที่ดี ชีวิตมีความสุข ผมพอแล้ว

เหตุที่ผมลงมาเล่นการเมือง ผมมีเป้าหมายที่ต้องการให้ชีวิตของลูกชายผม มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อยากให้เขาได้มีชีวิตแบบคนปกติ ผมจึงเลือกที่จะเปลี่ยนแปลง

Writer Profile : OttChan

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save