fbpx

6 วิธีป้องกัน เมื่อลูกแพ้ขนสัตว์

Writer : nunzmoko
: 23 กันยายน 2561

อาการแพ้ขนสัตว์ เกิดจากรังแคของสัตว์เลี้ยงที่มีขน เช่น สุนัข แมว กระต่าย หรือกระรอก ซึ่งมักลอยอยู่ในอากาศหรือติดอยู่ตามโซฟา ที่นั่งที่นอน เมื่อเด็กสูดหายใจเข้าไปทางจมูกหรือเข้าไปในหลอดลม  ทำให้เกิดอาการแพ้ โดยเฉพาะในเด็กที่มีประวัติภูมิแพ้ในพ่อหรือแม่เพราะโรคนี้ถ่ายทอดทางพันธุกรรม แต่ในกรณีที่ไม่มีประวัติภูมิแพ้ในครอบครัว เด็กก็อาจเป็นภูมิแพ้ได้จากตัวเองถึงร้อยละ 14 เนื่องจากอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีสารก่อภูมิแพ้จำนวนมากและเป็นเวลานาน วันนี้เรามีวิธีป้องกันการแพ้ขนสัตว์ในเด็ก ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถป้องกันได้มาฝากกันค่ะ

1. หมั่นทำความสะอาดห้องนอนลูก

เพิ่มความสะอาดภายในห้องนอนลูก และภายในบ้าน ควบคู่กับการจัดสรรห้องนอนลูกน้อย ให้ห้องมีความสะอาดโล่ง โปร่งสบาย เพราะลูกน้อยต้องสูดอากาศในห้องนอนไม่ต่ำกว่า 8-10 ชั่วโมง นอกจากขนสัตว์แล้ว ควรหลีกเลี่ยงการเก็บหนังสือ พรม หรือสิ่งที่คิดว่าเป็นแหล่งสะสมไรฝุ่นเอาไว้ในห้องลูกน้อยด้วย

2. จัดพื้นที่เลี้ยงให้เป็นสัดส่วน

ถ้าบ้านไหนเลี้ยงสัตว์ ควรจัดพื้นที่ให้เป็นสัดส่วน ไม่ควรเลี้ยงในบ้านหรือห้องนอน เลี้ยงสุนัขจะดีกว่าแมว หมั่นดูแลสัตว์เลี้ยงโดยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ และป้องกันเห็บหมัด อาบน้ำทุกสัปดาห์ ส่วนเด็กก็ควรล้างมือให้สะอาดหลังเล่นกับสัตว์เลี้ยง และไม่ควรไปกอดจูบ สัตว์เลี้ยงในเด็กเล็กต้องมีผู้ใหญ่คอยดูแลอย่างใกล้ชิดขณะเล่นกับสัตว์เลี้ยง

3. ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ

เริ่มต้นจากไม่นำสัตว์เลี้ยงเข้าห้องนอน ควรติดตั้งเครื่องปรับอากาศหรือเครื่องฟอกอากาศไว้ในบ้าน จากนั้นหมั่นทำความสะอาดและดูดฝุ่นภายในบ้านทุกวัน และซักทำความสะอาดเครื่องนอนต่างๆ ของลูกน้อยในทุกสัปดาห์ เพื่อช่วยกำจัดไรฝุ่น

4. ล้างมือทุกครั้งหลังสัมผัสสัตว์เลี้ยง

คุณพ่อคุณแม่ต้องให้ลูก ทำความสะอาดทุกครั้งหลังสัมผัสสัตว์เลี้ยง ให้ลูกล้างมือ หรืออาบน้ำทุกครั้งหลังที่สัมผัสสัตว์เลี้ยง

5. หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้สัตว์เลี้ยง

เมื่อทราบว่าลูกมีอาการแพ้ขนสัตว์เลี้ยง สิ่งที่ดีที่สุดคือ การให้ลูกอยู่ห่างจากสัตว์เลี้ยงมากที่สุด ไม่ว่าจะในบ้านหรือนอกบ้าน โดยเฉพาะสัตว์ที่มีขนร่วงจำนวนมาก โดยเฉพาะแมว ความจริงแล้วไม่ใช่ขนแมวที่ทำให้เกิดอาการแพ้แต่เป็นการแพ้โปรตีน Fel d 1 ที่อยู่ในผิวหนังของแมว ซึ่งรูปร่างของอนุภาคโปรตีน Fel d 1 เล็กและเบามาก มีขนาดเพียง 1 ใน 10 ของสารก่อภูมิแพ้ที่เป็นฝุ่น และสามารถลอยอยู่ในอากาศได้นานหลายชั่วโมง จึงทำให้มีโอกาสที่แพ้มากกว่าสุนัขนั่นเอง

6. หมั่นดูแลสุขอนามัยของสัตว์เลี้ยง

ควรอาบน้ำสัตว์เลี้ยงสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวสัตว์เลี้ยง หมั่นแปรงขนให้สัตว์เลี้ยงบ่อยๆ รวมถึงทำความสะอาดของเล่นของสัตว์เลี้ยงทุกสัปดาห์ ไม่นำสัตว์เลี้ยงมาเล่นบนโซฟาหรือบนโต๊ะ ไม่นำสัตว์เลี้ยงเข้าไปภายในรถ และควรให้สัตว์เลี้ยงกินผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทโอเมก้า3 เพื่อบำรุงขนและป้องกันการหลุดร่วงของเส้นขน

อาการแพ้ขนสัตว์ในเด็กที่พบบ่อย คือ ภูมิแพ้จมูก เป็นลักษณะอาการคัน จาม มีน้ำมูกและมีคัดจมูก หายใจไม่ออก ต้องอ้าปากหายใจ  ทำให้มีปัญหาป่วยง่ายและป่วยอยู่บ่อยๆ ถ้าเป็นหอบหืด ก็จะมีอาการไอ มีเสมหะและหายใจเสียงดังหวี้ดๆ ต้องไปพ่นยาขยายหลอดลมหรือกินยาจึงจะดีขึ้น นอกจากนี้ก็อาจเป็นภูมิแพ้ออกตา คือมีตาแดง คันตา น้ำตาไหล หรือมีปัญหาเป็นผื่นผิวหนังอักเสบตามแขนขาที่สัมผัสกับรังแคสัตว์ที่แพ้ได้ โดยอาการเหล่านี้เกิดขึ้นตอนเด็กไปสัมผัสเท่านั้น สามารถบรรเทาอาการได้ด้วยการกินยาแก้แพ้เป็นหลัก แต่ถ้ามีอาการรุนแรงและเรื้อรังก็ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางโดยด่วนค่ะ

ที่มา 

www.phyathai.com

 

Writer Profile : nunzmoko

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



10 โรงเรียนอนุบาลนานาชาติยอดฮิตในกรุงเทพ
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save