fbpx

หนังสือสองภาษา ใช้ยังไงให้ลูกน้อยไม่สับสน

Writer : Jicko
: 14 สิงหาคม 2562

ปัจจุบันนี้หนังสือแทบทุกเล่มของเด็กๆ ส่วนใหญ่เป็นหนังสือสองภาษา (Billingual Book) เกือบหมดแล้ว คุณพ่อคุณแม่มักจะเห็นกันมากในหนังสือนิทานต่างๆ ที่มักจะมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ในเล่มเดียว

ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดีที่คุณพ่อคุณแม่หลายๆ คน จะสามารถนำหนังสือสองภาษานี้  ไปใช้ในการฝึกทักษะทางด้านภาษาของเจ้าตัวน้อยได้ด้วย แล้วพ่อๆ แม่ๆ อย่างเราจะใช้เจ้าหนังสือสองภาษานี้ยังไงให้ได้ผลดี วันนี้เรามีเคล็ดลับมาฝากกันค่ะ

หากพ่อแม่ยังมีอาการงงๆ กับการใช้หนังสือสองภาษา ที่พะว้าพะวงกับการแปลคำศัพท์คำต่อคำ หรือสอนโครงสร้างประโยค บรรยากาศการอ่านหนังสือของเด็กๆ คงจะน่าเบื่อน่าดู เรามาดูเคล็ดลับการอ่านหนังสือสองภาษาที่ถูกต้องกันดีกว่า ไปดูกันเลย

สลับอ่านทีละภาษา

โดยคุณพ่อคุณแม่อ่านภาษาใดภาษาหนึ่งไปจนจบเล่มเสียก่อน แล้วค่อยเปลี่ยนมาอ่านอีกภาษา เพราะการอ่านเช่นนี้เด็กๆ จะคุ้นชินและรู้เนื้อหาของหนังสือมาแล้วจากการอ่านภาษาแรก แล้วพอปะติดปะต่อภาษาที่ไม่ถนัดนั้นได้เอง และเมื่อเด็กๆ เริ่มคุ้นชินและจดจำกับภาษาที่ใช้ไปแล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็ค่อยๆ ให้เขาหัดอ่านเองในทั้งสองภาษาได้เลยค่ะ

สลับคนอ่าน

เมื่อถึงเวลาอ่านหนังสือ คุณพ่อคุณแม่อาจจะสลับกันอ่าน เช่น คุณแม่อ่านภาษาไทย คุณพ่ออ่านภาษาอังกฤษ เป็นต้น หรืออาจจะเลือกหยิบหนังสือที่ลูกๆ คุ้นเคยหรือเคยได้ยินมาจากที่โรงเรียนเวลาคุณครูเล่าให้ฟัง มาเลือกอ่านให้ลูกฟังในอีกภาษาหนึ่งก็ได้ค่ะ

ชวนพูดคุยโดยใช้ทั้งสองภาษา

เช่น เมื่อคุณแม่อ่านหนังสือให้ลูกฟังเป็นภาษาไทย เราก็ชวนลูกพูดคุยเป็นภาษาไทย เมื่อคุณแม่อ่านเป็นภาษาอังกฤษ เราก็ใช้ภาษาอังกฤษในการพูดคุยกับลูกระหว่างการอ่านหนังสือ โดยเริ่มจากประโยคง่ายๆ ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในหนังสือที่เด็กๆ สนใจก็ได้ค่ะ

ชวนลองเขียนหนังสือสองภาษาของตัวเอง

คุณพ่อคุณแม่ก็ทราบกันดีนะคะว่า การอ่านหนังสือเป็นแรงบันดาลใจที่ดีของนักเขียน ซึ่งถ้าเป็นเด็กโตที่สามารถเขียนหนังสือและแต่งเรื่องราวเองได้แล้ว การตั้งคำถาม พูดคุยให้เขาแต่งหนังสือสองภาษาของตัวเอง จะช่วยให้เขามีความม่นใจในการใช้ภาษาและยังช่วยเพิ่มความภาคภูมิใจในตนเองได้อีกด้วย

ส่วนในเด็กเล็กๆ ที่ยังเขียนหนังสือไม่คล่องเท่าไหร่นัก คุณพ่อคุณแม่อาจจะเริ่มต้นจากการให้เขาได้วาดภาพประกอบ แล้วให้คุณพ่อคุณแม่อย่างเราเป็นคนแต่งเรื่องราวไปก่อนก็ได้ค่ะ เขาก็จะได้ฝึกทักษะทั้งจินตนาการและภาษาไปในตัวด้วย แถมหนังสือที่ทำมาก็ยังสร้างความภาคภูมิใจและอาจจะเป็นหนังสือทำมือที่ช่วยกันแต่งกับพ่อแม่เล่มโปรดของเด็กๆ ไปเลยค่ะ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือ Amarin Baby & Kids

Writer Profile : Jicko

  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save