fbpx

สีห้องนอน ก็ช่วยเรื่องพัฒนาการของลูกได้

Writer : OttChan
: 28 กันยายน 2563

คุณพ่อคุณแม่เคยได้ยินใช่ไหมคะว่าสิ่งแวดล้อมรอบตัวลูกก็เป็นอีกหนึ่งทางในการส่งเสริมพฤติกรรมหรือการเรียนรู้ที่แสนสำคัญ ซึ่งสภาพแวดล้อมนั้น เรามักจะนึกไปถึงสภาพสังคม, โรงเรียนหรือแม้แต่การเลือกคบเพื่อนต่างๆ แต่รู้ไหมคะว่ามีอีกหนึ่งสิ่งที่เป็นส่วนช่วยในพัฒนาการของลูกได้ดีแถมยังใกล้ตัวสุดๆ นั่นก็คือ สีของห้องที่ลูกนอนค่ะ!

เพราะบ้านคือที่ที่ครอบครัวใช้เวลาอยู่กันมากที่สุด จึงทำให้การเลือกสีต่างๆ ในบ้านส่งผลต่อความรู้สึกและสภาพจิตใจมากๆ เลยล่ะค่ะ โดยเฉพาะห้องนอนนั้นเป็นห้องที่ทุกคนมักใช้เวลาอยู่กันเป็นเวลานานมากกว่าที่อื่นโดยเฉพาะเด็กเล็ก ต้องใช้เวลานอน, กินและทำกิจกรรมหลายๆ อย่าง ซึ่งสีที่ใช้ทาจะส่งผลต้อพัฒนาการของลูกดังนี้

  • ทำให้เกิดความผ่อนคลาย
  • ช่วยพัฒนาการด้านการมองเห็นเพราะการเห็นสีที่มากกว่าขาวจะช่วยทำให้เกิดการเรียนรู้
  • บ่มเพาะให้พัฒนาการด้านสมองดีขึ้น และสร้างภาวะทางอารมณ์

เห็นไหมคะว่าสีต่างๆ มีประโยชน์ต่อการเรียนรู้ของลูกจริงๆ คราวนี้เราจะมาดูกันค่ะว่าแต่ละสีนั้นช่วยในเรื่องไหนบ้างเพื่อเป็นตัวเลือกให้คุณพ่อคุณแม่ได้นำไปใช้ทาสีให้เจ้าตัวเล็กกัน

สีชมพู สีแห่งการถูกโอบอุ้มและความอ่อนโยน

การทาสีชมพูสามารถทาได้ทั้งสำหรับลูกชายและลูกสาวเลยค่ะ เพราะเป็นสีที่จะช่วยให้ลูกมีความรู้สึกอบอุ่น มีความรู้สึกสงบและช่วยผลพฤติกรรมก้าวร้าวลงได้อีกด้วย ที่สำคัญเป็นสีที่สร้างความมั่นใจได้เป็นอย่างดีอีกด้วยสำหรับเด็กๆ

สีเขียว สีแห่งธรรมชาติทำให้ใจสงบ

ตามที่เรารู้กันเลยว่าสีเขียวคือสีของผืนป่าและธรรมชาติคใช่ไหมคะ เพราะงั้นการทาสีเขียวจะช่วยให้รู้สึกร่มรื่น มีสมาธิและยังช่วยในลดความตึงเครียดลงได้อีกด้วย ที่สำคัญหากเฉดสีเขียวที่เลือกมีความสดใส ก็จะช่วยทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นได้อีกด้วยค่ะ

สีเหลือง สีแห่งการจดจำและอารมณ์

เพราะสีเหลืองคือสีที่มีความสดใสในตัวสูง จึงเป็นสีที่จะช่วยพัฒนาการด้านการมองเห็นและจดจำของลูกได้เป็นอย่างดี แต่ในอีกมุมหนึ่งเพราะความสดใสของสีเหลืองจึงทำให้ลูกน้อยอาจมากด้วยอารมณ์ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ก็อาจจะต้องมาลุ้นกันเองว่าลูกๆ จะเริงร่าหรือเจ้าอารมณ์ค่ะ

สีฟ้า สีแห่งความผ่อนคลายและสมดุล

สังเกตไหมคะว่าสีแรกๆ ที่เรามักใช้ในห้องนอนลูกไม่มีขาวก็ต้องเป็นสีฟ้าเพราะเป็นสีที่เราเห็นแล้วรู้สึกได้ถึงความผ่อนคลายและเมื่อมองแล้วยังช่วยในเรื่องการปรับสมดุลของร่างกายอีกด้วย แต่สีที่ควรใช้ควรเป็นฟ้าอ่อนๆ ไม่เข้มหรือจัดเกินไปเพราะไม่งั้นอาจทำให้เกิดบรรยากาศอึมครึมแทนได้ค่ะ

สีขาว สีแห่งความสงบและสะอาด

สีขาวเป็นสียอดนิยมที่ไม่ว่าห้องไหนๆ ก็ใช้ได้ซึ่งการใช้สีขาวนั้นก็มีส่วนช่วยให้เด็กๆ รู้สึกสงบและสะอาดต่อ นำของชิ้นไหนเข้ามาก็สามารถปรับเข้าได้หมดดูลงตัว แต่หากลูกกำลังซนก็อาจต้องระวังกันหน่อยค่ะ อาจจะเกิดงานศิลปะขึ้นมาได้อย่างชัดเจนทั่วห้องเลยทีเดียว

สีม่วง สีแห่งจินตนาการและความซับซ้อน

เพราะสีม่วงเป็นสีที่เกิดจากการผสมของสีแดงและน้ำเงิน เป็นแม่สีที่แรงทั้งคู่ จึงทำให้รู้สึกมีความซับซ้อนและเป็นสีที่ทำให้มองแล้วรู้สึกต้องใช้ความคิดตลอดเวลา โทนที่ควรเลือกใช้ควรเป็นสีโทนม่วงอ่อนมากๆ เพราะหากเข้มไปอาจทำให้รู้สึกอึมครึมหรือเครียดเอาได้ค่ะ

สีส้ม สีแห่งความสดใสและพลังงาน

หากอยากให้ลูกได้เรียนรู้ความสนุกสนานและความคึกคัก สีส้มก็เป็นอีกหนึ่งสีที่น่าใช้มากๆ เพราะเป็นสีที่กระตุ้นความรู้สึกได้ดี ทำให้เด็กๆ ปลดปล่อยพลังได้เต็มที่ในการเล่นแต่อาจจะไม่เหมาะกับการนอนมากนักเพราะคนเก่งอาจจะนอนได้ยากเพราะรู้สคกตื่นตัวตลอด แนะนำให้วางของหรือเฟอร์นิเจอร์ที่มีสีอ่อนตัดลงมาหน่อยก็ช่วยได้ค่ะ

ที่มา : happymom, deltapaint

Writer Profile : OttChan

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



รออยู่ที่เดิมนะ
ชีวิตครอบครัว
ลูกชอบพูดแทรก จะแก้อย่างไร
ชีวิตครอบครัว
เพราะแม่จะเป็นใครก็ได้
ชีวิตครอบครัว
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save