fbpx

พ่อแม่ต้องรู้ไว้ 8 ผลเสียของการตามใจลูกมากเกินไป

Writer : Lalimay
: 12 ตุลาคม 2561

แบบไหนคือการตามใจลูก? พ่อแม่บางคนอาจมีคำถามนี้ผุดขึ้นมาในหัวกันบ้างใช่ไหมคะ ซึ่งการตามใจ คือ ลูกอยากทำอะไรก็ให้ทำ อยากได้อะไรก็ให้โดยไม่ได้คำนึงถึงเหตุผลใดๆ พ่อแม่จะไม่ค่อยเรียกร้องอะไรจากลูก ไม่มีการตั้งกฎเกณฑ์ ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่คำนึงถึงเหตุผล แม้ว่าลูกจะทำบางอย่างเองได้แต่ก็ยังทำให้ลูกทุกครั้ง ถ้าลูกทำอะไรผิดก็ไม่ยอมตักเตือน ซึ่งการเลี้ยงดูแบบนี้อาจเกิดผลเสียกับลูกมากกว่าที่คิดค่ะ เรามาดูกันดีกว่าว่าจะมีผลเสียเรื่องอะไรบ้าง

เป็นเด็กพัฒนาการช้า

การที่พ่อแม่ตามใจ ไม่ปล่อยให้ลูกทำอะไรด้วยตัวเองเลยทั้งๆ ที่บางอย่างก็ถึงช่วงเวลาที่ลูกควรจะทำได้เองแล้ว อย่างเช่น กินข้าวหรืออาบน้ำ หรือลูกอยากลองหยิบจับอะไรด้วยตัวเองก็ไม่ยอมให้ทำเพราะกลัวสกปรก แบบนี้พัฒนาการด้านต่างๆ ของลูกก็จะไม่ได้รับการพัฒนาที่เหมาะสม

เป็นเด็กเอาแต่ใจ

ลูกจะไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ตัวเอง หรือก้าวร้าวรุนแรง เพราะเขาจดจำได้ว่าเวลาอยากได้อะไรแค่ร้องไห้ โวยวาย ลงไปดิ้นกับพื้นก็จะได้ในสิ่งที่ต้องการ จนในที่สุดลูกก็จะเอาแต่ใจตนเอง ไม่ควบคุมอารมณ์และอาจเกิดเป็นความรุนแรงได้ในอนาคต

ทำอะไรเองไม่เป็น

นอกจากเรื่องของพัฒนาการด้านต่างๆ ช้าแล้ว ลูกอาจจะเป็นเด็กที่ทำอะไรเองไม่เป็น ทั้งในเรื่องเกี่ยวกับตัวเองอย่างแต่งตัว รวมไปถึงการช่วยเหลืองานบ้านเล็กๆ น้อยๆ อย่างที่ควรจะเป็น เพราะเราไม่ได้ให้ลูกลองทำอะไรด้วยตัวเอง

รับมือกับความผิดหวังไม่ได้

การตามใจตลอดจะทำให้ลูกเคยชินกับการที่ได้ทุกอย่างตามที่ต้องการ ตอนเด็กๆ ลูกอาจจะโวยวายเพื่อให้ได้สิ่งที่ตนเองต้องการ แต่เมื่อเขาโตขึ้นก็จะกลายเป็นคนที่รับมือกับความผิดหวังได้ต่ำ เพราะคิดว่าทุกคนต้องทำตามที่เขาต้องการ

ควบคุมความต้องการของตัวเองไม่ได้

เมื่ออยากได้อะไรแล้วพ่อแม่ตามใจตลอด ดังนั้นเมื่อโตขึ้นแล้วเขาอยากได้อะไรก็จะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มา ไม่รู้จักหักห้ามใจ

ยอมคนอื่นไม่เป็น

ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงต้องยอมคนอื่นตลอดแต่ถ้าเป็นเด็กที่ถูกตามใจมาจนชิน จะไม่มีความประนีประนอม เพราะลูกเป็นที่หนึ่งของพ่อแม่มาตลอด พ่อแม่ยอมทำตามใจทุกอย่าง จึงให้เป็นคนที่ยอมคนอื่นไม่เป็น ขี้อิจฉา เห็นใครดีกว่าไม่ได้ บางครั้งอาจจะก้าวร้าวต่อพ่อแม่ได้ด้วยเช่นกัน

ไม่รู้จักการแบ่งปัน

พ่อแม่ที่ตามใจลูกจนเป็นนิสัย อาจทำให้เด็กไม่รู้จักการแบ่งปันเวลาเข้าสังคมกับเพื่อนๆ ได้ เช่น เมื่อเพื่อนของลูกกำลังเล่นของเล่น แล้วลูกอยากเล่นบ้างก็จะร้องไห้งอแงเพราะเห็นว่าเคยทำแล้วได้เล่น ซึ่งนั่นก็จะเป็นการทำให้ลูกจดจำและไม่รู้จักการแบ่งปันให้คนอื่น

มีผลกระทบต่อชีวิตคู่ของลูกในอนาคต

ในอนาคตลูกอาจจะมีพฤติกรรมข่มคู่ครอง เพราะเป็นพวกชอบที่จะอยู่เหนือผู้อื่น ต้องให้คนอื่นมาตามใจ หากอีกฝ่ายทนได้อาจจะไม่มีปัญหา แต่ถ้าทนไม่ได้มักจะลงเอยต้องการทะเลาและหย่าร้างได้

ข้อมูลอ้างอิงจาก

 

Writer Profile : Lalimay

  • Blog :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save