fbpx

สาเหตุที่ลูกไม่ดิ้น หรือดิ้นน้อย เกิดจากอะไร

Writer : nunzmoko
: 18 มีนาคม 2561

 

คุณแม่ท้องแก่ ที่มีอายุครรภ์ถึง 8 เดือนแล้ว แต่ลูกน้อยในท้องกลับดิ้นน้อยมาก ทำให้คุณแม่หลายท่านเกิดความกังวล ซึ่งความเครียดไม่ดีต่อทารกในครรภ์อย่างแน่นอน ซึ่งการนับลูกดิ้น จะนับหลังจากที่อายุครรภ์ครบ 28 สัปดาห์ ซึ่งจะเป็นช่วงที่ลูกน้อยในครรภ์จะมีการดิ้นที่สม่ำเสมอ เนื่องจากระบบสมอง และเส้นประสาทมีการพัฒนาดีแล้ว วันนี้จะมาไขข้อสงสัยของคุณแม่ว่าลูกดิ้นน้อยเกิดจากอะไร แล้วอย่างไรถึงเรียกว่าอันตรายค่ะ

ลูกดิ้นมากแค่ไหนถึงจะดี

  • มีการศึกษาโดยให้คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ปกตินับลูกดิ้น พบว่าที่อายุครรภ์ 20 สัปดาห์ ลูกจะดิ้นเฉลี่ยประมาณ 200 ครั้ง/วัน จนเมื่อมีอายุครรภ์ 30-32 สัปดาห์สามารถดิ้นได้สูงสุดถึง 375-700 ครั้ง/วัน
  • หากลูกดิ้นแรงมาก และดิ้นแรงเป็นปกติอย่างต่อเนื่องไปจนถึงใกล้คลอดเป็นเรื่องปกติไม่ต้องกังวล เนื่องจากพื้นที่ในท้องมีจำกัดมากลูกจึงขยับตัวได้ยากขึ้น และจะหมายถึงลูกแข็งแรงดีด้วย
  • หากลูกดิ้นแรงมาก แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ดิ้นอีกเลย ไม่มีแม้อาการตอดตุ๊บๆ ต้องรีบไปพบหมดเพราะอาจเกิดความผิดปกติที่อันตรายกับทารกในครรภ์ได้
  • หากอายุครรภ์ 7-8 เดือนแล้ว ลูกดิ้นน้อยลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อใกล้กำหนดคลอดยิ่งดิ้นน้อยลงหรือไมใ่ดิ้นเลย ก็ควรรีบพบแพทย์เช่นกัน

สาเหตุที่ลูกดิ้นน้อยลง

1. อายุครรภ์ที่มากขึ้นอยู่ในช่วงใกล้คลอด หรือเกินกำหนดคลอด รกจะเสื่อมสภาพไปตามอายุครรภ์ที่เพิ่มขึ้น อาหารและออกซิเจนที่ส่งผ่านรกไปยังลูกในครรภ์จะเริ่มมีปริมาณน้อยลง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ทารกดิ้นน้อยลง ภาวะอาการเช่นนี้ จะทำให้ทารกในครรภ์มีความเสี่ยงสูงต่อการเสียชีวิตในครรภ์ได้เช่นกัน คุณแม่ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

2. อาจเกิดจากในโพรงมดลูกคับแคบ จนกระทั่งลูกแทบจะเคลื่อนไหวไม่ได้ หรือว่าเกิดจากความผิดปกติที่ทำให้เป็นอันตรายกับลูกจนลูกไม่มีแรงจะดิ้น ถ้าคุณแม่พบว่าเป็นกรณีหลัง ไม่ควรปล่อยไว้นาน อาจทำให้เสี่ยงต่อการเสียชีวิตในครรภ์ได้ แพทย์จะเร่งคลอด หรือตัดสินใจในการผ่าคลอด

3. การดิ้นที่น้อยลงอย่างผิดปกติของทารกในครรภ์ มักเกิดร่วมกับภาวะการขาดออกซิเจนเรื้อรัง และอยู่ในภาวะอันตราย ซึ่งทารกในครรภ์จะดิ้นน้อยลง หรือหยุดดิ้นเป็นเวลา 12 – 48 ชั่วโมงก่อนจะเสียชีวิต เมื่อสังเกตว่าลูกดิ้นน้อยลงควรรีบพบแพทย์ทันที หรือพบแพทย์ก่อนจะครบ 12 ชั่วโมง

อย่างไรก็ตาม การที่คุณแม่มีอายุครรภ์ได้ 8 เดือนแล้ว พบว่าลูกดิ้นเบาลง ก็ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะสาเหตุที่ทำให้ลูกดิ้นเบาลงและครบ 10 ครั้งภายใน 4 ชั่วโมง เพราะภายในครรภ์มีพื้นที่น้อยทำให้ลูกไม่สามารถดิ้นได้เต็มที่ จึงทำให้การดิ้นของลูกเบาลง ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ทั้งนี้ การที่ลูกน้อยดิ้นเบาลงก็ไม่ได้หมายความว่า ทารกในครรภ์จะไม่แข็งแรง แต่ถ้าคุณแม่พบว่าลูกดิ้นแรงปกติและจำนวนครั้งลดลง อย่างนี้ถือว่าเป็นอันตราย ดังนั้น เพื่อความสบายใจ คุณแม่จึงควรหมั่นสังเกตการดิ้น และภาวะความผิดปกติของทารกในครรภ์อย่างใกล้ชิด คุณแม่สามารถป้องกันปัญหาเหล่านี้ได้ ด้วยการดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเองให้ดี รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอค่ะ

ที่มา :

Writer Profile : nunzmoko

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



ข้อมูลทางแพทย์ ข้อมูลทางแพทย์
28 กรกฏาคม 2560
5 เคล็ดลับทำให้ลูกชอบกินผัก
เด็กอายุ 2-5 ขวบ
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save