fbpx

ข้อดีของการเลี้ยงลูกแบบติดดิน

Writer : giftoun
: 23 มกราคม 2562

การที่เด็กแต่ละคนเติบโตมามีนิสัยที่แตกต่างกัน ส่วนหนึ่งเกิดจากการเลี้ยงดูและสภาพแวดล้อมสังคมที่เด็กนั้นอยู่นั่นเองค่ะ ถ้าเด็กอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี มีคนคอยสอนอย่างถูกวิธี เด็กก็จะเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพในสังคม วันนี้เราจึงขอเสนอวิธีการเลี้ยงลูกแบบติดดิน ซึ่งมีข้อดีกับลูกน้อยมากมาย จะมีอะไรบ้างนั้นมาดูกันเลยค่ะ

ปรับตัวง่าย

เมื่อลูกได้ช่วยเหลือตัวเองบ่อยๆ จะทำให้ลูกนั้นปรับตัวได้ง่ายยิ่งขึ้น เพราะการปรับตัวของลูกน้อยนั้นเกิดจากการได้เจอสิ่งที่ไม่เคยเจอมาก่อน และอาศัยประสบการณ์ที่ลูกได้พบเจอด้วยตัวเองมาเป็นบทเรียน

กล้าลุย

การที่คุณแม่เลี้ยงลูกโดยให้ลูกได้ผจญภัยในแบบต่างๆ ให้ติดดินบ้าง เปื้อนฝุ่นบ้าง จะทำให้เมื่อโตขึ้นลูกจะกล้าลุยกับสิ่งต่างๆ มากขึ้นค่ะ

อดทนยิ่งขึ้น

สมัยนี้เด็กมักได้อะไรมาง่าย ความที่ได้มาง่ายจึงทำให้กลายเป็นคนมักง่าย คิดเร็วแต่ไม่รอบคอบ แล้วเอาตัวเองเป็นใหญ่ ดังนั้นการฝึกให้ลูกช่วยเหลือตัวเองเยอะๆ จะทำให้อดทนกับสิ่งต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ

เป็นคนรู้จักประหยัด

การที่เลี้ยงลูกติดดินนั้นจะทำให้ลูกไม่รู้สึกฟุ้งเฟ้อ และใช้จ่ายเกินตัว เพราะจะดำรงชีวิตไปด้วยความเรียบง่าย จึงทำให้ลูกเป็นคนรู้จักประหยัดได้ค่ะ

ช่วยเหลือตัวเองได้ดี

การที่คุณแม่ได้สอนลูกให้รู้จักหน้าที่แต่เด็ก จะทำให้ลูกนั้นช่วยเหลือตัวเองได้เป็นอย่างดีทีเดียวค่ะ ซึ่งทักษะการช่วยเหลือตัวเองนั้นสำคัญมาก เพราะไม่ว่าลูกจะอยู่ที่ไหนก็สามารถเอาตัวรอดด้วยตัวเองได้เป็นอย่างดีค่ะ

อยู่ง่าย กินง่าย

ทักษะการอยู่ง่ายและกินง่ายนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับลูกมาก ไม่ว่าจะอยู่สถานการณ์ใดก็ตาม ลูกก็จะสามารถปรับตัวได้ง่ายถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นในอนาคตมากเหมือนกันค่ะ

เรียนรู้กับความผิดหวังได้ดี

แน่นอนว่าในอนาคตนั้นลูกจะต้องพบเจอกับความผิดหวังบ้างในบางเรื่อง เมื่อคุณแม่เลี้ยงลูกไปตามธรรมชาติ ไม่ตามใจจนเกินไป ให้เผชิญกับสิ่งที่ไม่ได้ดั่งใจ จะทำให้ลูกนั้นเรียนรู้กับความผิดหวังได้เป็นอย่างดีค่ะ

ทั้งหมดนี้เป็นข้อดีของการเลี้ยงลูกแบบติดดินค่ะ คุณแม่สามารถนำมาปรับใช้ได้ตามความเหมาะสมนะคะ

ที่มา

Writer Profile : giftoun


  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



กิจกรรมของครอบครัว กิจกรรมของครอบครัว
29 ตุลาคม 2561
เด็กวัยเข้าโรงเรียน เด็กวัยเข้าโรงเรียน
10 มิถุนายน 2562
วิธีพาลูกขึ้นขนส่งสาธารณะครั้งแรก
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
7 เหตุผลที่ควรพาลูกไปเที่ยวญี่ปุ่น
กิจกรรมของครอบครัว
8 วิธีให้ลูกดื่มน้ำเยอะขึ้น
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
5 ข้อดีของการมีลูกคนเดียว
เตรียมตัวเป็นแม่
ทำอย่างไรเมื่อลูกรัก “ติดจอ”
ชีวิตครอบครัว
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save