fbpx

เมื่อพ่อแม่สอนการบ้านลูกไม่เป็นจะทำอย่างไร

Writer : Jicko
: 17 พฤศจิกายน 2563

เรื่องของการบ้านลูกนั้นสำหรับพ่อแม่บางคนอาจจะเป็นสิ่งที่ง่าย แต่สำหรับพ่อแม่บางคนการบ้านลูกนั้นหนักหนาซะเหลือเกิน ยิ่งโตขึ้นการบ้านก็ยิ่งยากขึ้น หรือบางครั้งการสอนการบ้านลูกไม่เป็นทำให้พ่อแม่บางคนเลือกที่ช่วยเหลือลูกโดยการทำการบ้านให้เขา

แล้วปัญหาเช่นนี้จะมีวิธีแก้ปัญหาของพ่อแม่ที่สอนการบ้านลูกไม่เป็นยังไงบ้าง วันนี้ Parents One จะมาบอกวิธีที่ถูกต้องกัน ไปดูกันเลย!

เมื่อพ่อแม่สอนการบ้านลูกไม่เป็นจะทำอย่างไร?

1.พยายามใกล้ชิดลูกระหว่างทำการบ้าน เพื่อให้เราเข้าใจไปพร้อมๆ ลูก

หากเป็นช่วงวัยเด็กเล็กยิ่งต้องควรอยู่ใกล้ๆ เพื่อคอยสอนเลยค่ะ เพราะเราจะได้รู้ว่าลูกทำผิดหรือถูกตรงไหนบ้าง หรือเวลาเขามีความสงสัยขึ้นมาเราจะได้ช่วยอธิบายกับเขาได้ แต่หากเป็นเด็กที่โตแล้ว อาจจะพยายามทำความเข้าใจมากหน่อย ช่วยๆ กันทำกับลูกถึงแม้จะผิดบ้างถูกบ้าง ก็ไม่ต้องกังวลนะคะ

2.ไม่ทำการบ้านให้ลูก

การสอนการบ้านไม่เป็นไม่ใช่ว่า ไม่เข้าใจสิ่งที่เด็กๆ กำลังทำนะคะ แต่เป็นการไม่รู้ว่าจะสอนยังไง ยิ่งเด็กบางคนงอแงไม่ยอมทำการบ้าน พ่อแม่บางคนก็ถือโอกาสนี้ทำให้ซะเลย ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผิดนะคะ เพราะเด็กๆ จำเป็นต้องเรียนหนังสือและทำการบ้านด้วยตัวเอง รู้ข้อผิดพลาดจะได้จำและนำไปศึกษาต่อ ถ้าลูกทำได้เราก็คอยชื่นชมเขา เพียงเท่านี้ลูกก็จะตั้งใจทำการบ้านแล้วล่ะค่ะ

3.ไม่ต่อว่า หรือตัดจบโดยไม่ช่วยเหลือลูก

พ่อแม่บางคนคิดว่าการบ้านลูกลูกต้องทำเองให้ได้ ถึงแม้ลูกจะเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ พ่อแม่บางคนก็ไม่ให้คำแนะนำหรือคำปรึกษาเลย บางคนต่อว่าลูกเสียอีก ว่าทำไมไม่ตั้งใจเรียน คิดว่าลูกไม่สนใจการเรียน ซึ่งการทำเช่นนี้จะเป็นการบั่นทอนจิตใจลูกเข้าไปกันใหญ่ ทางที่ดีควรเลือกหาคำพูดที่ถนอมน้ำใจ หรือถ้าสอนลูกไม่ได้จริงๆ อาจจะพูดว่า “แม่ไม่รู้ แม่ทำการบ้านลูกไม่เป็นเลยข้อนี้ ข้ามข้อนี้ไปก่อนได้ไหมลูก ” แทนที่จะโมโหลูกดีกว่านะคะ

4.หาที่เรียนพิเศษให้ลูก เพื่อให้คุณครูสอนการบ้าน

ซึ่งพ่อแม่บางคนที่สอนการบ้านลูกได้ถือเป็นเรื่องดีที่จะถ่ายทอดความรู้ให้ลูกได้เข้าใจ แต่พ่อแม่บางคนที่ไม่รู้จะสอนยังไงจริงๆ อยากจะแนะนำให้หาครูสอนพิเศษมาสอนลูก อาจจะไปเรียนนอกบ้าน หรือมาสอนที่บ้านเพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงก็ได้ค่ะ คราวนี้เวลาลูกมีปัญหาเรื่องการบ้านพ่อแม่ก็หายห่วงแล้วล่ะค่ะ

5.เข้าใจธรรมชาติของลูก

พ่อแม่บางคนมักจะบังคับให้ลูกทำการบ้าน ซึ่งแต่ละวัยสมาธิและการจดจ่อจะไม่เท่ากัน พ่อแม่ควรเข้าใจธรรมชาติของลูก ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป ไม่ต้องวิตกกังวลว่าลูกจะเรียนไม่ทัน จะเรียนไม่เก่ง เพราะเด็กๆ จะพัฒนาตามธรรชาติอย่างสมวัยเองค่ะ

Writer Profile : Jicko

  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save