fbpx

BBL เพราะการเรียนรู้ไม่ใช่การท่องจำ บทเรียนจากการเล่นสนุก สอนเด็กให้ลงมือทำจริง

Writer : Mneeose
: 3 สิงหาคม 2563

หลายคนอาจคิดว่า วัยที่เราจะสามารถเรียนรู้ได้ดีที่สุด ก็คือ “วัยเด็ก” เพราะสมองมักจะเปิดรับสิ่งใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา นั่นเป็นความเชื่อที่ผิดอีกความเชื่อหนึ่งที่เราอยากให้คุณพ่อคุณแม่ทุกคนเริ่มทำความเข้าใจใหม่ เพราะว่ากาารเรียนรู้ สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงอายุ หรือวัยใดก็ตาม

วันนี้เราเลยจะมาบอก “เคล็ดลับพัฒนาการเรียนรู้ของลูกรักตามวิธี Brain-based Learning” หรือเรียกย่อๆ ว่า BBL ซึ่งก็คือ การใช้สมองเป็นพื้นฐานในการเรียนรู้ที่ทำให้เด็กๆ เห็นถึงศักยภาพของตัวเองอย่างแท้จริง มีทั้งหมด 6 ข้อ เพื่อที่จะได้พัฒนาตัวเองต่อไปในเส้นทางที่พวกเขาตัดสินใจเลือกอย่างดีแล้วนั่นเองค่ะ

ขั้นที่ 1 : สมองต้องการทั้งอาหารกาย และอาหารใจ

นอกจากร่างกายแล้ว สมองก็ต้องการสารอาหารเช่นเดียวกับอวัยวะอื่นๆ เช่นกัน แถมยังต้องการอาหารใจ ซึ่งก็คือ ประสบการณ์ในการเรียนรู้ที่มักจะเกิดขึ้นแต่กต่างกันไปตามสภาพแวดล้อมของแต่ละคนที่ถูกหล่อหลอมมาให้แตกต่างกันตามแต่ละคน

ซึ่ง “อาหารใจ” นั่นได้แก่ ความรัก ความอบอุ่น ความสนุกสนาน ความท้าทาย ความตื่นเต้น ความน่าประทับใจ และความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับแต่ละคนแตกต่างกันไป

ดังนั้น เด็กจะเติบโตขึ้นมาแล้วมีนิสัยอย่างไร อาหารใจ สภาพแวดล้อม อารมณ์ที่เหมาะสม ตลอดจนการพักผ่อนอย่างเพียงพอ เช่น การนอนหลับให้สนิท ยังทำให้สมองจัดระเบียบสิ่งที่ได้เรียนรู้ในแต่ละวันให้ออกมาอย่างดีอีกด้วย ปัจจัยทั้งหมดจึงถือเป็นสิ่งสำคัญที่เป็นจุดเริ่มต้น ทำให้เด็กๆ เกิดการเรียนรู้อย่างสมบูรณ์นั่นเองค่ะ

 

ขั้นที่ 2 : สมองถูกเร้าจากประสาทสัมผัสทั้ง 5 และจิตใจ

การที่เด็กๆ มี “การเรียนรู้” ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 นั่นก็คือ หู ตา จมูก ลิ้น กายสัมผัส รวมทั้งจิตใจ ก็ยิ่งช่วยเพิ่มประสบการณ์การเรียนรู้ในด้านต่างๆ ของเด็กได้เป็นอย่างดี

สิ่งเร้าที่น่าสนใจ ก็จะยิ่งทำให้สมองตื่นตัว ซึ่งเมื่อเด็กๆ สนใจในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง สมองก็มักจะสั่งการให้เราจดจำสิ่งนั้นได้นานกว่าการท่องจำ แต่เป็นความรู้ในหน่วยความจำของสมองที่เด็กเข้าใจ และอยากที่จะเรียนรู้

รวมทั้งสามารถเก็บบันทึกภาพไว้ในสมองส่วนความจำ และสามารถเรียกกลับมาใช้ใหม่ หรือทำพฤติกรรมเลียนแบบซ้ำจากสิ่งที่เด็กเคยเห็น เพื่อให้เขาได้ต่อยอดให้กลายเป็นประสบการณ์ดีๆ ของเด็กต่อไปค่ะ

 

ขั้นที่ 3 : สมองจะเรียนรู้และจดจำได้ดี เมื่อสมองส่วนอารมณ์เปิด

สมองส่วนกลาง (Limbic System) ทำหน้าที่ควบคุมอารมณ์ ความโกรธ ความกลัว และสัญชาติญาณในการเอาตัวรอด โดยสมองส่วนนี้จะเริ่มพัฒนาตั้งแต่อายุครรภ์ได้ 5-6 เดือน จนถึงช่วงปฐมวัย

ซึ่งมักจะได้รับการกระตุ้นด้วยความสนุก ซาบซึ้ง ตื่นเต้น และท้าทาย ถือว่าเป็นสมองที่จะขับเคลื่อนการเรียนรู้ หากสมองส่วนลิมบิกเปิดเต็มที่ ก็จะยิ่งทำให้เด็กๆ เกิดการเรียนรู้ได้มากขึ้นเช่นกันค่ะ เช่น การที่เด็กๆ ได้วิ่งเล่นกับเพื่อน ได้ปีนป่ายเครื่องเล่นต่างๆ ตามที่ใจที่ใจตัวเองต้องการ เป็นต้น

ดังนั้น อารมณ์จึงมีผลต่อการเรียนรู้โดยตรงของเด็ก เพราะเมื่อเด็กมีความสุข ก็มักจะเกิดการเรียนรู้ไม่จำกัดนั่นเอง

 

ขั้นที่ 4 : สมองมีการเรียนรู้ 2 อย่าง คือ ตั้งใจ และไม่ตั้งใจ

สมองของคนเรามักจะมีการเรียนรู้ 2 อย่าง คือ อย่างตั้งใจ (บังคับ) และไม่ตั้งใจ (ไม่บังคับ) ซึ่งแน่นอนว่าการที่สมองได้เรียนรู้แบบไม่ตั้งใจ จะทำให้เด็กเกิดการจดจำได้ยาวนานกว่าการเรียนรู้แบบตั้งใจมากๆ เพราะการท่องจำ ไม่สามารถทำให้เด็กเกิดความรู้ได้อย่างแท้จริง และยังต่อยอดความรู้ใหม่ไม่ได้อีกด้วย

ความสนใจ และการจดจ่อกับสิ่งที่พวกเขาสนใจต่างหาก ที่จะทำให้สมองเกิดการเรียนรู้อย่างเข้าใจ คุณพ่อคุณแม่จึงต้องจัดกิจกรรมที่สามารถดึงดูดความสนใจของพวกเขา โดยเน้นให้เด็กเป็นศูนย์กลางในการเรียนรู้ รวมทั้งให้เด็กได้ลองทดลองปฏิบัติจากสิ่งต่างๆ รอบตัว เพื่อค้นหาความถนัดจนค้นพบความเป็นตัวของตัวเอง และสามารถพัฒนาเป็นทักษะในด้านต่างๆ ให้เชี่ยวชาญเพิ่มขึ้นนั่นเอง

 

ขั้นที่ 5 : สมองเรียนรู้จากสิ่งที่ง่าย ไปหาสิ่งที่ยากกว่า

การเรียนรู้ของเด็กมักจะเกิดขึ้นได้ทุกที่ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 โดยตรง ซึ่งเด็กจะเริ่มเรียนรู้จากของจริง ที่สามารถจับต้องได้ และใกล้ตัวก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อทำให้สมองเรียนรู้อย่างเข้าใจได้ง่ายก่อน แล้วถึงค่อยมาเรียนรู้ความซับซ้อนของสิ่งต่างๆ นั้นต่อไป เช่น ถ้าคุณพ่อคุณแม่อยากให้ลูกเรียนรู้เรื่องมะนาว ก็ต้องให้พวกเขาได้ลองสัมผัสของจริง พร้อมกับได้ทั้งลองชิม และดมกลิ่นก่อนเป็นอันดับแรก แล้วค่อยนำไปสู่การเรียนรู้ว่านอกจากมะนาวจะมีรสชาติเปรี้ยวแล้ว ยังสามารถเอาไปทำประโยชน์อะไรอื่นๆ ได้อีกนั่นเอง

 

ขั้นที่ 6 : สมองเรียนรู้ และจดจำแบบ Active Learning

การให้ลูกได้เล่นและมีส่วนร่วมกับกิจกรรมต่างๆ ตามความสมัครใจของเด็กเอง คือการเปิดประตูแห่งการเรียนรู้ เพราะเด็กมักจะให้ความสนใจจากการเล่น จนก่อให้เกิดประสบการณ์แห่งการเรียนรู้ ที่จะเป็นพื้นฐานของการพัฒนาสมอง และระบบประสาท เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จในด้านต่างๆ รวมทั้งอาชีพของพวกเขาในอนาคตอีกด้วย นี่แหละค่ะ คือการที่สมองเรียนรู้ และจดจำแบบ Active Learning ที่จะเปลี่ยนการเล่นสนุกในวัยเด็ก สู่เด็กที่มีพัฒนาการอย่างสมดุล

ยิ่งถ้าผู้ใหญ่มีการปลูกฝังทัศนคติเชิงบวก รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย เล่นอย่างสร้างสรรค์ และการดูแลเอาใจใส่ที่ดีจากครอบครัวและโรงเรียนด้วยแล้ว นั่นยิ่งแสดงให้เห็นถึงการที่เรากำลังสร้างสรรค์คนรุ่นใหม่ให้เติบโตอย่างเต็มศักยภาพทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ และสติปัญญานั่นเองค่ะ

และทั้งหมดนี้ก็คือ 6 ขั้นตอนของ “เคล็ดลับพัฒนาการเรียนรู้ของลูกรักตามวิธี Brain-based Learning” หรือเรียกย่อๆ ว่า BBL หลักการในการเรียนรู้ และการพัฒนาสมองของเด็กๆ ที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้ เพื่อเป็นแนวทางและสอนให้เด็กๆ กลายเป็นเด็กเติบโตอย่างมีคุณภาพนั่นเองค่ะ

ขอบคุณแหล่งอ้างอิง : Knowledge Box

Writer Profile : Mneeose

💙💙💙

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
ไลฟ์สไตล์ ไลฟ์สไตล์
เคยกลับบ้านมาแล้วกรี๊ดลั่นบ้านเพราะเจ้าตัวแสบไปวิ่งเล่นเลอะเทอะกันไหมคะ ? หรือแต่งตัวลูกอย่างดีไปทานข้าวนอกบ้าน แต่คุณลูกก็ทำซอสหกใส่ ไอติมหล่นไปเป็นก้อน เละทั้งตัว วันนี้ ParentsOne มีเสื้อเด็กที่เจ๋งมากๆ จาก GQ : the good day lab™ มาลองรีวิวให้ได้ชมกันค่ะ 🛒 ช้อปเลยที่ -> https://gqsize.link/bZT7Sx แกะกล่อง GQ : the good day lab™ เสื้อเด็ก ฟีเจอร์เพียบ คุณภาพ GQ ขึ้นชื่อว่า GQ ก็มั่นใจได้เรื่องคุณภาพค่ะ ผ้านุ่ม เบาบาง เหมาะกับอากาศเมืองไทย ใส่วิ่งสบายๆ ที่แปลกตาคือเป็นเสื้อที่ไม่มีป้ายแท็กค่ะ ทั้งด้านหลังคอเสื้อ หรือข้างใน ไม่ต้องห่วงว่าจะเคืองหรือคันเลย กระดุมแข็งแรงเอามากๆ ใช้แรงผู้ใหญ่ดึงแรงๆ ก็ไม่มีปัญหาเลย ไฮไลท์สำคัญที่คุณแม่แทบกรี๊ด คือเป็นไม่เปื้อนค่าาาา เทน้ำ เทนมใส่เสื้อ ไม่เปียกเลย สะบัดสองที หายปกติ ซึ่งถ้าใครเคยเห็นโฆษณา GQ ที่เสื้อเชิ้ตขาวไปทำงานคุณพ่อ โดนกาแฟหกใส่ แต่ผ้าไม่เปื้อนเลย เทคโนโลยีผ้าสะท้อนน้ำ ตอนนี้มาอยู่ในเสื้อเด็กแล้ววววว ทีมงานทดสอบเทน้ำสีผสมอาหาร นม หรือแม้แต่ซอสมะเขือเทศลงบนเสื้อ ก็ไม่เปื้อนค่ะ ไม่น่าเชื่อมากๆ ข้อดีที่สุดของผ้าแบบนี้ คือทำให้ชีวิตคุณแม่สบายขึ้นมาก พาลูกไปเที่ยว วิ่งเล่นสนามหญ้า พาไปทานก๋วยเตี๋ยว หรือให้ทานอะไร ก็ไม่ต้องกลัวเสื้อสวยๆ เลอะ แถมประหยัดเวลาซักผ้าด้วย ไม่ต้องมาคอยแช่ผ้าให้คราบมันออกแบบสมัยก่อน สำหรับเสื้อเด็ก the good day lab™…
8 ธันวาคม 2566

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save