fbpx

NEWS : กรมควบคุมโรค แนะนำผู้ปกครองหมั่นเช็กอาการ หวั่นเด็กเล็กอายุไม่เกิน 5 ปีติดเชื้อ RSV

Writer : Phitchakon
: 19 กันยายน 2565

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่าช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว หรือช่วงตั้งแต่เดือนสิงหาคมจนกระทั่งถึงเดือนพฤศจิกายน เป็นช่วงเสี่ยงพบโรคติดต่อได้หลายโรค หนึ่งในนั้นคือโรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัส RSV

จากข้อมูลการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่และโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจในประเทศไทย เผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม จนกระทั่งถึงวันที่ 2 กันยายน 2565 พบเด็กติดเชื้อ RSV จำนวน 131 ราย จากกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี จำนวน 1,445 ราย ส่วนใหญ่แล้วจะพบมากในกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี

โดย RSV แพร่กระจายผ่านทางอาการไอ จาม หรือการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ ซึ่งผู้ได้รับเชื้อจะแสดงอาการได้เร็วที่สุดหลังติดเชื้อ 2 วัน ช้าสุดประมาณ 8 วัน สำหรับเด็กเล็กนั้น โรคมีโอกาสลุกลามไปทางระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง เช่น หลอดลม เนื้อปอด ทำให้เกิดหลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบตามมา ปัจจุบันยังไม่มียารักษาโดยตรง

นพ.โอภาสจึงได้กล่าวเสริมเพิ่มเติมขอให้ผู้ปกครองและสถานศึกษาหมั่นสังเกตอาการบุตรหลานอย่างใกล้ชิด

อาการของผู้ติดเชื้อไวรัส RSV

  • ระยะแรกมีอาการคล้ายไข้หวัด เช่น ไอ จาม เป็นไข้ มีน้ำมูก เจ็บคอ
  • หากอาการรุนแรงจะหายใจเร็ว หอบเหนื่อย เนื่องจากปอดอักเสบ
  • หายใจมีเสียงหวีด หรือครืดคราดในลำคอ
  • มีอาการซึม
  • รับประทานอาหารได้น้อยลง

วิธีการป้องกันไวรัส RSV

  • หมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำสะอาด โดยเฉพาะก่อนมื้ออาหารและหลังเข้าห้องน้ำ
  • หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสหน้า ตา จมูก ปาก
  • งดใช้ภาชนะอาหารและของใช้ร่วมกับผู้อื่น
  • หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดผู้ป่วย
  • ไม่พาเด็กไปในสถานที่ที่มีคนหนาแน่น

หากพบว่ามีอาการป่วย ควรปฏิบัติตัว ดังนี้

  • งดออกนอกบ้านเพื่อลดการแพร่เชื้อ
  • สวมหน้ากากอนามัย
  • ปิดปาก-จมูกทุกครั้งเวลาจาม
  • ทำความสะอาดบ้านและข้าวของเครื่องใช้เป็นประจำ
  • รับประทานอาหารครบ 5 หมู่
  • ดื่มน้ำมาก ๆ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • แยกเด็กที่มีอาการป่วยออกจากเด็กปกติและพาพบแพทย์เพื่อการรักษา

หากมีข้อสงสัย อยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคติดต่อได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

อ้างอิงจาก bangkokbiznews

Writer Profile : Phitchakon

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save