fbpx

Q&A : ถาม-ตอบปัญหาคาใจ ไวรัสตัวร้าย RSV

Writer : Phitchakon
: 22 กันยายน 2565

เรื่องน่ากังวลใจของคุณพ่อคุณแม่ในช่วงนี้คงหนีไม่พ้นโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับไวรัส RSV ที่กำลังระบาดในหมู่เด็กเล็กและถึงแม้ว่าการติดเชื้อไวรัส RSV จะมีอาการที่คล้ายคลึงกับไข้หวัดที่เราคุ้นเคยกันดี แต่บอกเลยค่ะว่าระดับความรุนแรงน่ากลัวกว่าเป็นทวีคูณ​!

หากใครยังไม่รู้จักเจ้าเชื้อไวรัสตัวร้าย นิ่งนอนใจไม่ได้แล้วนะคะ วันนี้ Parents One รวบรวมเรื่องน่ารู้และทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับไวรัส RSV มาไขให้กระจ่าง จะมีอะไรบ้าง เป็นเรื่องราวที่ทุกท่านกำลังสงสัยข้องใจอยู่หรือเปล่า ไปหาคำตอบกันได้เลยค่ะ

Q : ไวรัส RSV คืออะไร

A : RSV หรือ Respiratory Syncytial Visus เป็นไวรัสก่อโรคระบบทางเดินหายใจทั้งส่วนบนและส่วนล่าง พบได้บ่อยในกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และมักระบาดช่วงฤดูฝนและฤดูหนาวในประเทศไทย

Q : ไวรัส RSV ต่างจากไข้หวัดธรรมดาอย่างไร

A : RSV มีอาการคล้ายกับไข้หวัดธรรมดา แต่มีความรุนแรงกว่ามาก สังเกตได้จากอาการไข้สูง เหนื่อยหอบ คออักเสบ น้ำมูกเยอะ หายใจมีเสียงหวีด เสียงครืดคราด อาจมีอาการตัวเขียว ถ้าพบอาการดังกล่าว ควรพาลูกพบแพทย์ทันที แพทย์จะทำการตรวจหาเชื้อจากน้ำมูก น้ำลาย และใช้เครื่องช่วยฟังเสียงการทำงานของปอด รวมถึงตรวจความผิดปกติอื่นๆ เพื่อวินิจฉัยต่อไป

Q : ไวรัส RSV ติดต่อทางไหนได้บ้าง

A : ไวรัส RSV ติดต่อกันได้ง่ายมาก ทั้งจากการสูดอากาศหายใจรับเอาเชื้อเข้าไปโดยตรง หรือจากการสัมผัสสารคัดหลั่งต่างๆ เช่น น้ำมูก น้ำลาย เสมหะ โดยเชื้อ RSV ยังมีชีวิตอยู่บนมือได้นานกว่าครึ่งชั่วโมง อยู่บนสิ่งของได้นานหลายชั่วโมง เป็นเชื้อที่ทนทานต่อสภาพแวดล้อมภายนอกร่างกาย

Q : ไวรัส RSV มีระยะฟักตัวกี่วัน

A : มีระยะฟักตัวประมาณ 2-6 วันหลังจากได้รับเชื้อ จากนั้นจะเริ่มแสดงอาการให้เห็น เริ่มจากอาการไข้ต่ำ ไอ จาม คัดจมูก น้ำมูกไหลประมาณ 2-4 วัน จากนั้นจะเริ่มมีการดำเนินโรคที่ระบบหายใจช่วงล่าง เด็กที่ป่วยเป็น RSV จะมีอาการประมาณ 5-7 วันหรือมากกว่านั้น

Q : ไวรัส RSV อันตรายแค่ไหน

A : ไวรัส RSV เกี่ยวข้องกับระบบหายใจ เป็นต้นเหตุของการติดเชื้อ ปอดอักเสบและอาจทำให้ระบบหายใจล้มเหลวจนถึงแก่ชีวิต ส่วนใหญ่แล้วการเสียชีวิตจะไม่ได้มาจากไวรัส RSV โดยตรง แต่เป็นภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น ที่ต้องระวังอย่างยิ่งคือกลุ่มเด็กเล็ก เด็กที่ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำ มีโรคประจำตัว เช่น ภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคหัวใจ โรคหอบหืด

Q : เคยติดเชื้อ RSV แล้ว กลับมาเป็นซ้ำอีกได้ไหม

A : น่าเศร้าที่ต้องตอบว่าหนูๆ ที่เคยเป็น RSV แล้ว สามารถกลับมาเป็นอีกครั้งได้ค่ะ ไวรัส RSV มีถึง 2 กลุ่มย่อยที่เป็นไวรัสคนละตัวกัน ภูมิต้านทานจากการเจ็บป่วยครั้งแรกไม่สามารถป้องกันได้ หากสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง ไวรัสตัวนี้ก็พร้อมจะเล่นงานทันที แต่ด้วยอายุที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงภูมิคุ้มกันที่มากขึ้นจากการติดเชื้อแต่ละครั้ง อาจทำให้อาการน้อยลงเมื่อเทียบกับครั้งแรกๆ ที่เป็นค่ะ

Q : ผู้ใหญ่ติดเชื้อ RSV ได้หรือไม่

A : ผู้ใหญ่สามารถติดเชื้อ RSV ได้เช่นเดียวกันกับเด็ก มีอาการคล้ายกับไข้หวัดธรรมดา แต่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป หรือผู้มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคปอด หอบหืด โรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง อาจมีอาการรุนแรงแทรกซ้อนจนถึงขั้นเข้า ICU หรือเสียชีวิตได้

ที่น่ากลัวคือเมื่อผู้ใหญ่ติดเชื้อ RSV ก็สามารถนำเชื้อไปสู่เด็กเล็ก ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงอาการรุนแรงได้ เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครอง หรือผู้ใดที่ใกล้ชิดเด็กๆ ควรดูแลสุขภาพให้ดีเช่นกันค่ะ

Q : มีวัคซีนป้องกันไวรัส RSV หรือเปล่า

A : ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันค่ะ รวมถึงยังไม่มียารักษาเฉพาะ เน้นรักษาประคับประคองตามอาการ เช่น ให้ยาลดไข้ ยาขยายหลอดลมช่วยให้หายใจสะดวก บางรายอาการหนักมากก็จำเป็นจะต้องใช้เครื่องช่วยหายใจจนกว่าจะดีขึ้น

Q : จะป้องกันไวรัส RSV ได้อย่างไร

A : การป้องกันไวรัส RSV สามารถทำได้หลายวิธี เช่น การดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง หมั่นดูแลความสะอาดบ้านและข้าวของเครื่องใช้ ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำสะอาดและสบู่ทั้งตัวเด็กๆ เองรวมถึงคนรอบตัว ใส่หน้ากากอนามัย แยกเด็กที่ป่วยออกจากเด็กคนอื่นๆ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อติดต่อกัน เป็นไปได้ก็ควรเลี่ยงสถานที่ชุมชนที่มีคนอยู่เยอะ และทางที่ดีไม่ควรให้เด็กๆ สัมผัสสิ่งของในที่สาธารณะ รวมถึงงดให้ผู้อื่นมาสัมผัสจับตัว จูบ หอมเด็กๆ เพื่อป้องกันการรับเชื้อโดยไม่รู้ตัวนะคะ

ที่มา :

Writer Profile : Phitchakon

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



ป้อนข้าวลูกยังไงให้ทานได้เยอะ?
ข้อมูลทางแพทย์
แม่จ๋า! น้ำร้อนลวกหนู ทำอย่างไรดี
ข้อมูลทางแพทย์
Update
ไลฟ์สไตล์ ไลฟ์สไตล์
เคยกลับบ้านมาแล้วกรี๊ดลั่นบ้านเพราะเจ้าตัวแสบไปวิ่งเล่นเลอะเทอะกันไหมคะ ? หรือแต่งตัวลูกอย่างดีไปทานข้าวนอกบ้าน แต่คุณลูกก็ทำซอสหกใส่ ไอติมหล่นไปเป็นก้อน เละทั้งตัว วันนี้ ParentsOne มีเสื้อเด็กที่เจ๋งมากๆ จาก GQ : the good day lab™ มาลองรีวิวให้ได้ชมกันค่ะ 🛒 ช้อปเลยที่ -> https://gqsize.link/bZT7Sx แกะกล่อง GQ : the good day lab™ เสื้อเด็ก ฟีเจอร์เพียบ คุณภาพ GQ ขึ้นชื่อว่า GQ ก็มั่นใจได้เรื่องคุณภาพค่ะ ผ้านุ่ม เบาบาง เหมาะกับอากาศเมืองไทย ใส่วิ่งสบายๆ ที่แปลกตาคือเป็นเสื้อที่ไม่มีป้ายแท็กค่ะ ทั้งด้านหลังคอเสื้อ หรือข้างใน ไม่ต้องห่วงว่าจะเคืองหรือคันเลย กระดุมแข็งแรงเอามากๆ ใช้แรงผู้ใหญ่ดึงแรงๆ ก็ไม่มีปัญหาเลย ไฮไลท์สำคัญที่คุณแม่แทบกรี๊ด คือเป็นไม่เปื้อนค่าาาา เทน้ำ เทนมใส่เสื้อ ไม่เปียกเลย สะบัดสองที หายปกติ ซึ่งถ้าใครเคยเห็นโฆษณา GQ ที่เสื้อเชิ้ตขาวไปทำงานคุณพ่อ โดนกาแฟหกใส่ แต่ผ้าไม่เปื้อนเลย เทคโนโลยีผ้าสะท้อนน้ำ ตอนนี้มาอยู่ในเสื้อเด็กแล้ววววว ทีมงานทดสอบเทน้ำสีผสมอาหาร นม หรือแม้แต่ซอสมะเขือเทศลงบนเสื้อ ก็ไม่เปื้อนค่ะ ไม่น่าเชื่อมากๆ ข้อดีที่สุดของผ้าแบบนี้ คือทำให้ชีวิตคุณแม่สบายขึ้นมาก พาลูกไปเที่ยว วิ่งเล่นสนามหญ้า พาไปทานก๋วยเตี๋ยว หรือให้ทานอะไร ก็ไม่ต้องกลัวเสื้อสวยๆ เลอะ แถมประหยัดเวลาซักผ้าด้วย ไม่ต้องมาคอยแช่ผ้าให้คราบมันออกแบบสมัยก่อน สำหรับเสื้อเด็ก the good day lab™…
8 ธันวาคม 2566

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save