fbpx

เด็กคิดบวกสร้างได้ 7 วิธีฝึกลูกให้คิดบวกได้ มองโลกในแง่ดีเป็น

Writer : blahblahboong
: 14 มีนาคม 2562

จะทุกข์หรือสุข อยู่มุมมองของแต่ละคน การมองโลกในแง่ดีคิดบวกอยู่เสมอจะนำสิ่งๆ มาสู่ตัวเรา แต่ก่อนที่ความคิดเหล่านี้จะก่อตัวเกิดขึ้นมาได้นั้น ย่อมมีพื้นฐานมาจากการเลี้ยงดูของครอบครัว เรามาดูวิธีการเลี้ยงดูลูกให้เป็นเด็กคิดบวกมองโลกในแง่ดี เพื่อให้เค้าสามารถเติบโตอย่ามีความสุขในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงทุกวินาทีกันค่ะ

สอนให้ลูกยอมรับความแตกต่าง

ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ เพราะทุกคนล้วนแตกต่างกัน ความแตกต่างเป็นเรื่องธรรมชาติให้รู้จักเปิดใจยอมรับ ไม่อคติ เพื่อในอนาคตเมื่อต้องพบเจอกับอะไรที่ไม่ได้ดั่งใจ เด็กจะสามารถยอมรับ และปรับตัวไม่ให้ความคิดด้านลบนั้นเกิดขึ้นมา

ยิ้ม หัวเราะบ่อยๆ สร้างพื้นฐานนิสัยอารมณ์ดี

พยายามหากิจกรรมสนุกสนานมาให้ลูกทำอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยก็หาการ์ตูนน่ารักๆ เรื่องตลกๆ มาเปิดให้ดู มาเล่าให้ฟังบ้าง เพราะในตอนที่ลูกยิ้ม หัวเราะ จะมีฮอร์โมนแห่งความสุขหลั่งออกมา ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง ช่วยในเรื่องระบบความคิดการแก้ปัญหาต่างๆ

ปล่อยให้ลุกขึ้นด้วยตัวเอง

ในวัยเริ่มเดิน ควรปล่อยให้ลูกล้มและลุกขึ้นมาได้ด้วยเอง โดยคุณพ่อคุณแม่ควรให้กำลังใจลูกห่างๆ เมื่อเด็กโตขึ้นและเริ่มหัดขี่จักรยาม ก็ให้ใช่วิธีเช่นเดียวกับตอนหัดเดิน

เพื่อปลูกฝังนิสัย กับความเชื่อ “ล้มแล้วลุก” ด้วยตัวเอง ไว้เป็นแรงผลักดันในการเผชิญหน้ากับปัยหาในอนาคต

สุขง่ายๆ กับเรื่องเล็กๆ

หมั่นให้ลูกทบทวนในแต่ละวัน ว่ามีอะไรบ้างที่ทำให้เค้าเกิดความสุขขึ้นมา หมั่นชมและให้กำลังใจอย่างสม่ำเสมอ แม้ว่าจะเป็นกิจกรรมเล็กๆ เราก็สามารถให้คำชมเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเป็นการให้กำลังใจลูกในทุกๆ วัน

แสดงความคิดเห็นได้ตามต้องการ

พยายามตอบคำถามของเด็กวัยช่างพูดบ่อยๆ สามารถตอบว่าไม่รู้แล้วมาช่วยกันหาคำตอบได้ คอยส่งเสริมให้ลูกแสดงความคิดเห็นของตัวเอง สอนให้เด็กรู้จักใช้ความคิด ใช้เหตุผลผล และรับฟังผู้อื่น

สำรวจโลกกว้าง เสริมสร้างจินตนาการ

สวนสาธารณะ สวนสนุก สวนน้ำ สวนสัตว์ แม้กระทั้งตามตลาดน้ำต่างๆ ล้วนเป็นแหล่งเรียนรู้ที่น่าสนใจ พ่อแม่สามารถพาน้องๆ ไปเปิดประสบการณ์ ได้มองโลกในมุมมองที่กว้างขึ้น มองได้หลากหลายขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นฐานสำคัญของการคิดบวกนั่นเอง

เป็นต้นแบบที่ดี

พ่อ แม่ คือคนที่อยู่ใกล้ชิดกับลูกมากที่สุด ไม่แปลกเลยที่ลูกจะซึมซับเอาลักษณะนิสัยของพ่อแม่มาโดยไม่รู้ตัว แน่นอนว่าการเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกเห็น ลูกก็จะได้รับความคิดดีๆ เหล่านั้นมาอย่างเป็นธรรมชาติ

Writer Profile : blahblahboong

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



รอยยิ้ม ที่ไม่มีวันจางหายไป
ชีวิตครอบครัว
ชีวิตครอบครัว ชีวิตครอบครัว
10 สิงหาคม 2560
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save