fbpx

นี่ๆ มาอ่านหน่อย แม่มีเรื่องจะเล่า

Writer : OttChan
: 16 สิงหาคม 2565

ในยุคนี้ ไม่ว่าบ้านไหนก็คงมีสิ่งที่เรียกว่าโทรศัพท์มือถือกัน และเราก็ดูคลิปสนุกๆ หรือสาระได้ทางทุกช่อง ไม่ว่าจะดูยูทูป, เฟสบุ๊ก และก็คงไม่พ้นแอปยอดนิยมอย่าง tiktok แม่เองก็มีเล่นบ้างตามประสาคนอยากหาอะไรคลายเครียด และพอเราได้เห็นคนอื่นเขาลงวิดิโอเยอะแยะ เราก็คิดว่า ถ้าเราลองลงบ้างน่าจะดีนะ เผื่อจะได้มีคนเข้ามาคุยมาอะไรกัน และสิ่งที่คุณแม่แบบเราอยากจะถ่ายทอดออกไป ก็คือความน่ารักของลูกเรา

เราเริ่มถ่ายรูปลูกลง ไม่ก็วิดิโอชีวิตประจำวัน ส่วนหนึ่งก็คิดว่า มันคงจะดีถ้าเราได้บันทึกทุกช่วงเวลาที่เขาเติบโตเอาไว้ด้วย

เก็บทั้งบรรยากาศ เสียงหัวเราะ และรอยยิ้มของลูก

จนคนอื่นๆ เขาก็มาสะดุดเห็นความน่ารักของลูกเรา เขาก็เริ่มเข้ามากดหัวใจให้ แรกๆ ก็มีอยู่ไม่กี่ไลก์ แต่ไม่นาน ลูกของเราก็เป็นที่รู้จักไปทั่ว ทุกคนเรียกชื่อลูกของเราได้ รู้ว่าลูกเราชอบกินอะไร เล่นอะไร และมีที่ไหนบ้างที่ลูกเราชอบไปเล่นมากๆ เช่น ทะเล เวลาไปทะเล เราจะเตรียมชุดตัวสวยให้ลูกได้คอยเปลี่ยนตลอด เพราะอยากได้รูปสวยๆ ไปเที่ยวทั้งที

พอเราโพสรูปของลูกเราลงไปในชุดกระโปรงวันพีซ คนที่ติดตามก็เข้ามากดไลก์ และเม้นชมแบบทุกครั้ง เราก็ไม่คิดอะไรมาก ก็รู้สึกดีใจที่ใครๆ ก็บอกว่าลูกของเราน่ารักจัง โดยเฉพาะแอคที่มีรูปโปรไฟล์เป็นรูปเด็กทารก เขามาชมทุกรูปที่เราลงเลยว่า

” ลูกเราน่ารักที่สุด ”

” อยากเจอน้องตัวจริงจัง ”

” ชอบน้องมากเลย อยากจับแก้ม ”

เล่ามาถึงตรงนี้ เป็นจุดที่เราอยากให้อ่านมากที่สุด….

ด้วยความอยากรู้ ว่าเป็นใครกัน เพราะคอยมากดหัวใจ และคอยชมลูกเราตลอด เขาอาจจะเป็นคุณแม่เหมือนกันที่กำลังมีลูกวัยน่ารัก หรืออาจเป็นคนที่รักใคร่ เอ็นดูเด็กมากๆ เลยก็ได้ สุดท้ายเราเลยลองคลิกเข้าไปดูหน้าโปรไฟล์เฟสของเขา เผื่อจะได้ทำความรู้จัก และลองเม้นหรือกดถูกใจใหเขาบ้าง แต่สิ่งที่เราเจอในทามไลน์ของเขา

มันเต็มไปด้วยภาพโป๊ของเด็ก วัยประมาณลูกของเรา และโตกว่าลูกของเราอีกนิดหน่อย ดูแล้วคงไม่เกิน 7-8 ขวบ

แต่ละภาพที่เขาโพสถึง จะเขียนไว้ว่า

” ขาวมาก ”

” เห็นแล้วรู้สึกอยากจับ ”

” ถ้าได้มาเลี้ยง จะให้กินนมจนอิ่มเลย ”

เราตกใจจนนิ้วของเราที่กดอยู่บนจอสั่นไปหมด…..ยิ่งไล่ดูมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้รู้สึกใจหล่นใจร่วง ภาวนาแต่ว่าอย่าให้มีรูปของลูกเราปะปนอยู่ในนี้…แต่ก็ไม่ไหว เรารีบบล็อกเขาออกจากช่องทางที่จะติดตามลูกเราได้ และกดรีพอร์ตเพื่อให้แอคนี้หายไป เพราะไม่รู้ได้เลยว่า ยังมีแอคคุณแม่หรือครอบครัวอื่นๆ อีกรึเปล่า ที่ถูกคนๆ นี้ติดตามและมองลูกของเราเป็นวัตถุทางเพศ

สิ่งที่เราคิดว่าปกติมาตลอด มันไม่ได้ปกติอย่างที่เราคิด

หลังจากนั้น เราแทบไม่กล้าลงรูปลูกของเราอีกเลย ยิ่งคิดมากไปถึงว่าอาจไม่ใช่แค่คนๆ นี้ที่คิดไม่ดีกับลูก มองลูกเราด้วยสายตาที่ผิดแผกไปจากปกติ เรายิ่งรู้สึกผิดว่าในตอนนั้นทำไมไม่เฉลียวใจ ทำไมไม่ระวังให้มากกว่านี้ สงสารลูก ถ้าเขาโตขึ้นมาแล้วรู้เรื่องนี้ เขาจะเสียใจแค่ไหน…อยากให้เป็นอุทาหรณ์ของคุณพ่อคุณแม่บ้านอื่นๆ นะ ว่าการลงรูปของลูกเราต้องคิดให้มาก เพราะนอกจากเรื่องที่เขากำลังพูดถึงเกี่ยวกับการยินยอมของลูกแล้ว ก็มีเรื่องนี้นี่ล่ะที่หากพลาดไปแล้ว หัวอกคนเป็นพ่อแม่แบบเราคงเโทษตัวเองไปทั้งชีวิต เพราะเราไม่สามารถปกป้องลูกของเราได้เลย และยังเป็นสาเหตุที่ทำใหเขาต้องมาเจออะไรแบบนี้อีก

จาก คุณแม่ท่านหนึ่ง

Writer Profile : OttChan

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



กำลังใจที่ไม่เคยสังเกต
ชีวิตครอบครัว
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save