fbpx

6 แนวทางดูแลคุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีอายุมากแล้ว

Writer : giftoun
: 28 พฤษภาคม 2562

เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ตอนที่มีอายุมากแล้วอาจจะมีความกังวลต่างๆ ตามมาก็เป็นได้ อีกทั้งร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงระหว่างตั้งครรภ์อีกด้วย แล้วจะมีแนวทางดูแลคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ที่มีอายุมากแล้วอย่างไรบ้าง มาดูกันเลยค่ะ

ฝากครรภ์ตั้งแต่แรก

คุณแม่ควรฝากครรภ์ตั้งแต่ทราบว่าตั้งครรภ์หรือเมื่ออายุครรภ์น้อย ซึ่งถ้าเกิดอะไรขึ้นใน 3 เดือนแรกลูกอาจมีสิทธิพิการได้เพราะอวัยวะต่างๆ ของลูกกำลังเจริญเติบโตครบสมบูรณ์ การฝากครรภ์จึงถือว่าอยู่ในการดูแลของคุณหมออย่างใกล้ชิด ยิ่งเป็นคุณแม่ที่อายุมากแล้วการดูแลยิ่งมีมากตามไปด้วยค่ะ

เข้าใจความเสี่ยงของการตั้งครรภ์

คุณแม่และครอบครัวควรเข้าใจถึงความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์เมื่อมีอายุมากแล้ว จะทำให้เข้าใจในการดูแลมากยิ่งขึ้นและหลีกเลี่ยงสิ่งที่กระทบกับลูกในครรภ์ได้ค่ะ

หมั่นสังเกตอาการผิดปกติ

การหมั่นสังเกตอาการผิดปกติระหว่างตั้งครรภ์ของคุณแม่จะทำให้สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติและนำไปปรึกษาหมอได้อย่างทันท่วงที ซึ่งสามารถสังเกตได้หลายจุด เช่น การดิ้นของลูก อาการแพ้ท้อง ความแข็งของท้อง เป็นต้น

ดูแลจิตใจของคุณแม่

เมื่อได้เป็นคนแม่ตอนอายุมากแล้ว ถ้าคุณแม่เคยประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานมาก่อนอาจจะมีความมั่นใจในการดูแลลูกในครรภ์ แต่ถ้าคุณแม่นั้นเคยมีช่วงที่สะดุด เคยท้อแท้ และคิดว่าทำอะไรบางอย่างไม่ได้ ก็อาจจะมีจิตใจที่อ่อนไหวง่ายได้ คุณพ่อและคนรอบข้างจึงควรให้กำลังใจคุณแม่มากๆ และคอยอยู่เคียงข้างคุณแม่กันนะคะ

คลายความกังวลให้คุณแม่

ระหว่างที่คุณแม่กำลังตั้งครรภ์นั้นมักจะมีความกังวลเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ยิ่งคุณแม่ตั้งครรภ์ตอนอายุมากความกังวลจะมีมากขึ้นทวีคูณเลยทีเดียวค่ะ มีทั้งความกังวลเรื่องรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไป การรับบทบาทใหม่ สุขภาพของลูก สุขภาพของคุณแม่เองที่อายุเยอะแล้ว และเรื่องอื่นๆ ซึ่งคุณพ่อและคนรอบข้างสามารถช่วยคลายความกังวลให้คุณแม่ได้ด้วยการแบ่งเบาภาระงานบ้าน ให้ความเชื่อมั่นกับแม่ จะพอช่วยได้มากอยู่ค่ะ

หมั่นพูดคุยกับคุณแม่

การได้พูดคุยกับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์อย่างสม่ำเสมอนอกจากจะคลายความกังวลให้กับคุณแม่แล้ว ยังเป็นการเช็คกับคุณแม่ได้อีกด้วยว่ามีสัญญาณผิดปกติอะไรให้ช่วยเหลือหรือไม่อีกด้วยค่ะ

คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ตอนอายุเยอะนั้นควรจะต้องดูแลและใส่ใจอย่างใกล้ชิดเพราะมีความเสี่ยงอยู่หลายอย่าง คุณพ่อและคนรอบข้างควรหมั่นดูแลคุณแม่ทั้งร่างกายและจิตใจกันนะคะ

ที่มา – anamai

Writer Profile : giftoun


  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



12 ข้อดีจากการให้นมแม่
เตรียมตัวเป็นแม่
ทำไมลูกถึงดื้อกับแม่มากกว่า
ชีวิตครอบครัว
20 คำที่ไม่ควรพูดกับลูก
กิจกรรมของครอบครัว
เตรียมตัวเป็นแม่ เตรียมตัวเป็นแม่
13 พฤศจิกายน 2562
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save