fbpx

ลูกนั่งผิดท่ารึเปล่า? W-Shape Sitting ท่านั่งอันตรายพี่พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม

Writer : Lalimay
: 23 กรกฏาคม 2563

คุณพ่อคุณแม่เคยสังเกตไหมคะ ว่าเจ้าตัวเล็กมีท่านั่งประจำเป็นแบบไหนเวลาที่เขานั่งอยู่กับพื้น ซึ่งท่าที่เขานั่งก็ดูสบายและไม่ผิดปกติอะไร แต่มีอยู่ท่านึงค่ะที่ต้องคอยสังเกตให้ดี เพราะว่าอาจส่งผลเสียระยะยาวต่อลูกได้ ท่านั่งนั้นก็คือ W-Shape Sitting นั่นเอง อาจสงสัยว่าเป็นท่านั่งแบบไหน งั้นเราไปทำความรู้จักท่านั่งนี้ให้มากขึ้นกันเถอะค่ะ

ท่านั่ง W-Shape Sitting เป็นแบบไหน

W-Shape Sitting เป็นท่านั่งที่เรามักจะเห็นเด็กนั่งอยู่บ่อยๆ คือการที่เด็กนั่งอยู่บนพื้นแบบที่ก้นแนบพื้นอยู่ระหว่างขาทั้ง 2 ข้าง โดยเข่างอพับและขาแบะออกทางด้านข้าง เท้าชี้ไปด้านหลัง มองแล้วคล้ายรูป W ซึ่งเป็นท่านั่งที่ต่อเนื่องมาจากการคลานไปมา แล้วหยุดนั่งเพื่อเล่นของเล่น พอเด็กนั่งแล้วจึงรู้สึกสบายและมั่นคง ตัวไม่โอนเอนไปมา เพราะว่ามีฐานรองรับน้ำหนักตัวที่กว้าง แต่อาจจะสังเกตเห็นได้ว่าเขาจะไม่สามารถเอื้อมมือไปหยิบของในระยะไกลๆ ได้ 

ทำไมถึงนั่งแบบ W-Shape Sitting ไม่ได้

การนั่งแบบ W-Shape Sitting ถึงจะดูเหมือนสบาย และเด็กชอบนั่ง แต่ว่าก็มีผลเสียกว่าที่คิดค่ะ เพราะการนั่งแบบนี้เป็นท่านั่งที่ไม่ดีต่อสรีระร่างกาย คือ เด็กจะหมุนหรือเอี้ยวตัวไม่ถนัด ทำให้เสียสมดุล ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญนะคะ เพราะในเด็กควรได้พัฒนาการทรงท่าที่มีความสมดุล (Balance reactions) จากการเอื้อมมือหรือเอี้ยวตัวไปหยิบของ

นอกจากนี้พอนั่งท่านี้แล้วกล้ามเนื้อหลังของเด็กจะไม่ได้ออกแรงเพื่อการทรงตัวนั่ง เพราะแรงจะไปอยู่ที่บริเวณต้นขาหมด จึงส่งผลต่อกระดูกสันหลัง โดยอาจทำให้กระดูกสันหลังเรียงตัวผิดปกติไปจากแนวเดิม อีกทั้งยังมีแรงบิดที่ผิดปกติต่อข้อสะโพกและข้อเข่าของเด็กจากการนั่งท่า W-Shape Sitting อีกด้วย

ผลกระทบจากการนั่ง W-Shape Sitting

เมื่อเด็กนั่งท่า W-Shape Sitting ไปนานๆ ก็จะนั่งจนติดเป็นนิสัย รวมไปถึงสรีระทางร่างกายที่จะปรับไปตามท่านั่ง ส่งผลให้ลูกอาจมีปัญหาเกี่ยวกับท่าทางและบุคลิกภาพ อย่างการเดิน ที่เห็นได้ชัดคือ เด็กอาจเดินเท้าบิดเข้าแบบนกพิราบ จึงอาจทำให้มีอาการปวดข้อหรือข้อสะโพกเคลื่อน ซึ่งมีความอันตรายต่อสะโพกในระยะยาว ที่สำคัญคือ การนั่งท่า W-Shape Sitting นี้จะเป็นการเพิ่มโอกาสให้เด็กมีอาการเท้าแบนได้อีกด้วยค่ะ 

และถ้าหากว่าลูกมีลักษณะการยืนหรือเดินที่ผิดปกติ แนะนำว่าควรพาลูกไปปรึกษาคุณหมอเฉพาะทางด้านโรคกระดูกเด็กจะเป็นการดีที่สุดค่ะ

ท่านั่งที่เหมาะสม

ท่านั่งที่เหมาะสมสำหรับเด็กก็คือ ท่านั่งที่ทำให้เขาได้ใช้กล้ามเนื้อหลังในการทรงตัว นั่งได้เต็มก้น ไม่มีส่วนไหนของร่างกายที่วางอย่างผิดสรีระ สำหรับท่านั่งที่แนะนำก็คือ นั่งขัดสมาธิ นั่งพับเพียบ นั่งเหยียดขาตรง และนั่งบนเก้าอี้ โดยถ้านั่งขัดสมาธิหรือพับเพียบก็อาจต้องสลับซ้าย-ขวาให้สมดุลกัน และถ้าเห็นลูกนั่งแบบ W-Shape Sitting ก็ควรปรับให้ลูกนั่งท่าอื่นก็จะดีกว่านะคะ

ข้อมูลอ้างอิง

Writer Profile : Lalimay

  • Blog :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



ลูกชอบพูดแทรก จะแก้อย่างไร
ชีวิตครอบครัว
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save