fbpx

5 วิธีบำบัดเมื่อลูกชอบเก็บตัว ไม่ยอมออกจากห้อง

Writer : nunzmoko
: 25 เมษายน 2562

พฤติกรรมของเด็กที่ไม่ยอมออกจากห้อง หรือไม่ยอมออกจากบ้านไปเจอผู้คน เป็นพฤติกรรมหนึ่งที่ระบาดหนักในญี่ปุ่น เนื่องจากสังคมที่มีความกดดันสูง ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม เด็กบางคนอาจจะอ่านหนังสือการ์ตูน เล่นเกม เล่นอินเทอร์เน็ต ดูทีวี หรืออยู่ในห้องคนเดียวได้เป็นเดือนๆ เป็นปีๆ ซึ่งพฤติกรรมนี้ก็เกิดขึ้นได้กับเด็กในประเทศอื่นๆ รวมถึงประเทศไทยเช่นกัน พฤติกรรมของเด็กที่แยกตัวออกมาจากสังคม พยายามพบเจอผู้คนให้น้อยที่สุด และชอบเก็บตัวในห้องส่วนตัว หรือในบ้านเป็นระยะเวลานานๆ โดยไม่อยากไปโรงเรียน ซึ่งเป็นปัญหาที่ควรได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนค่ะ

สาเหตุที่ทำให้เด็กเก็บตัวไม่ออกไปไหน

  • ถูกกดดันเรื่องการเรียน ถูกคาดหวังให้เก่งมากไป จากครอบครัว
  • เป็นคนขี้อาย มีปมกลัวการเข้าสังคมด้วยหลากหลายเหตุผล
  • ถูกกลั่นแกล้งจากเพื่อนหรือคนรอบข้าง
  • พูดไม่เก่ง ไม่กล้าปฏิเสธ ยอมคน
  • มีอารมณ์อ่อนไหวกับคำวิจารณ์มาก เมื่อเจ็บปวดก็ยอมรับไม่ได้
  • ชอบหนีปัญหา และค่อยๆ ทำตัวให้ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก

วิธีบำบัดเริ่มต้นที่พ่อแม่

1. ให้เวลากับลูก

หากคุณพ่อคุณแม่ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่มีเวลา ลองหันมาสำรวจตัวเองแล้วว่าเราทำงานหนักไปเพื่ออะไร ถ้าคำตอบคือเพื่อหาเงินมาดูแลลูกรัก ดังนั้นการให้เวลากับลูกสำคัญมากที่สุดค่ะ

2. สอนลูกเชิงบวก

การสอนลูกเชิงบวกเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับพ่อแม่ที่ต้องมีต่อลูก เพราะการคิดบวกจะส่งต่อวิธีคิดไปสู่ลูกด้วย เช่น ถ้าลูกมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม แทนที่พ่อแม่จะใช้วิธีดุด่าว่ากล่าว อาจเปลี่ยนไปใช้วิธีพูดเพื่อให้กำลังใจที่เชื่อว่าลูกสามารถแก้ไขได้และปรับปรุงได้

3. รับฟังลูกให้มากขึ้น

หากที่ผ่านมาคุณไม่ค่อยได้รับฟังลูก ก็ให้เปิดใจและรับฟังลูกให้มากขึ้นนะคะ เพราะการรับฟังเป็นจุดเริ่มต้นของการทำความเข้าใจ และสร้างสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน พ่อแม่จะได้เข้าใจวิธีคิดของลูกว่าลูกคิดอย่างไรต่อเรื่องนั้นๆ และจะทำให้เราสามารถสอดแทรกบางเรื่องที่ต้องการให้ลูกเรียนรู้ได้ด้วย

4. มีกิจกรรมครอบครัว

คุณพ่อคุณแม่ควรจัดกิจกรรมที่สร้างสรรค์ภายในครอบครัว เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างคุณพ่อคุณแม่และลูก และกิจกรรมที่ทำต้องเหมาะสมกับและความต้องการของลูกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจกรรมที่เสริมทักษะชีวิตที่ช่วยเสริมความมั่นใจ เสริมศักยภาพบางด้านของลูก เพราะการมีกิจกรรมครอบครัวที่ดีอย่างสม่ำเสมอ เป็นการเปิดโอกาสพูดคุยกับลูกได้อย่างไม่เขินอาย

5. เชื่อมั่นในตัวลูก

การที่คุณพ่อคุณแม่ให้ความเชื่อมั่นในตัวลูกเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะถ้าพ่อแม่ขี้ระแวงไม่ค่อยไว้ใจลูก ไม่คิดว่าลูกจะทำได้ กังวลไปทุกเรื่อง ลูกต้องเครียดแน่ๆ ทางที่ดีพ่อกับแม่ต้องแสดงให้ลูกเห็นว่าไว้ใจลูกเสมอ เปิดโอกาสให้เขาได้ทำอะไรด้วยตัวเอง ให้เขาได้กล้าแสดงออก จะทำให้ลูกเกิดความภาคภูมิใจในตัวเองและมีความมั่นใจกับการเผชิญหน้าต่อสังคม ไม่เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง

คุณพ่อคุณแม่ต้องคอยสังเกตพฤติกรรมของลูกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการเก็บตัวของลูกเป็นเวลานานๆ เพราะอาจเกิดผลเสียตามมาในระยะยาว และหากพบว่ามีอาการที่หนักขึ้น จนไม่สามารถแก้เองได้ต้องรีบปรึกษาจิตแพทย์เพื่อแก้ไขพฤติกรรมโดยด่วน

ที่มา – rakluke

Writer Profile : nunzmoko

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



พาลูกน้อยไปเที่ยวไหนในกรุงเทพดี ?
กิจกรรมของครอบครัว
ชีวิตครอบครัว ชีวิตครอบครัว
5 สิงหาคม 2562
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save