fbpx

ทำไมเด็กญี่ปุ่นเดินทาง "ไป-กลับ" โรงเรียน ด้วยตัวเองตั้งแต่ 6-7 ขวบ ?

Writer : khajochi
: 20 มีนาคม 2561

ถ้าคุณเดินทางไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น และพบกับเด็กอายุแค่ 7 ขวบจำนวนมาก ใส่ชุดนักเรียน เดินมาขึ้นรถเมล์ รถไฟฟ้า ด้วยตัวเองแค่ “คนเดียว”

ก็ไม่ต้องแปลกใจ เพราะถือเป็นเรื่องที่ปกติมากในวัฒนธรรมญี่ปุ่น พวกเขามีวิธีการเลี้ยงลูกแบบไหนกันนะ ? น่าสนใจทีเดียว

คุณแม่ซาโตโกะ เอนโดะ อายุ 39 ปีเผยว่า ในบ้านของเธอก็เหมือนครอบครัวญี่ปุ่นทั่วไป คือมีสามี ภรรยา และลูก รวม 3 คน ฐานะปานกลาง

เนื่องจากบ้านของเธออยู่ไกลโรงเรียน “นีโอะ” ลูกสาวของเธอ อายุเพียง 7 ขวบ จึงต้องเดินทางด้วยรถไฟจากสถานีชินจูกุ ไปลงที่สถานีโคกุบุนจิ

ที่น่าสนใจคือเธอให้ลูกสาวเดินทางไปและกลับโรงเรียน ด้วยตัวคนเดียว

และนี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยในสังคมญี่ปุ่น เพราะเด็กๆ ส่วนใหญ่ก็จะเดินทางไปและกลับโรงเรียนด้วยตัวเองตั้งแต่เด็ก บางคนเดินเท้า บางคนนั่งรถเมล์ หรือแม้แต่ลงรถไฟใต้ดินด้วยตัวเอง

คุณพ่อคุณแม่ชาวไทยฟังแล้วคงจะนึกภาพไม่ออกเลยทีเดียวว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นในบ้านเมืองเราได้อย่างไร

แต่ด้วยความที่บ้านเมืองญี่ปุ่นนั้นมีความปลอดภัยสูงมาก โดยเฉพาะกับเรื่องของเด็ก และการเดินทางที่สะดวก เป็นมิตรกับทุกวัย ทำให้พ่อแม่หลายคนมักจะให้เด็กไปโรงเรียนด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องห่วงอะไรมาก

อีกเรื่องคือการปลูกฝังให้เด็กช่วยเหลือตัวเองได้ตั้งแต่เล็กๆ นั่นเอง

หนึ่งในรายการทีวียอดฮิตของญี่ปุ่น “My First Errand” ที่ให้ผู้ชมได้ติดตามการออกไปข้างนอกด้วยตัวเองครั้งแรกของเด็กญี่ปุ่น เป็นรายการยอดฮิตฉายติดต่อกันมากว่า 25 ปีแล้ว

ก็ช่วยบ่งบอกวัฒนธรรมการสอนให้เด็กดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี

นอกจากเดินทางไปโรงเรียนด้วยตัวเองแล้ว นีโอะ ในวัย 7 ขวบเมื่อตื่นตอนเช้า ก็สามารถอาบน้ำ, แปรงฟัน, เปลี่ยนชุด, จัดกระเป๋า, มัดผม ได้ด้วยตัวเองทั้งหมด

คุณแม่ซาโตโกะเผยว่า นอกจากเรื่องงานบ้านหนักๆ แล้ว เธอคิดว่าลูกสาวของเธอทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเองทั้งหมดเลย

คุณพ่อคุณแม่ไทยอยากลองฝึกลูกให้ช่วยเหลือตัวเองได้แบบญี่ปุ่น ในบ้านเราคงให้ลูกไปโรงเรียนเองแบบญี่ปุ่นยาก แต่แค่รู้จักดูแลตัวเอง ช่วยเหลือตัวเองได้โดยเราไม่ต้องดูแล ก็น่าสนใจนะครับ

ที่มา – Youtube, The Atlantic



Writer Profile : khajochi

Blogger, Appleholic, Influencer


  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



ทำอย่างไรเมื่อลูกรัก “ติดจอ”
ชีวิตครอบครัว
6 แอปพลิเคชันสำหรับเด็ก ช่วยพัฒนา EF
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
“Fun English” เกมส์ฝึกภาษาสำหรับเด็ก
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save