fbpx

6 แอคชั่นของเด็กทารกที่บอกว่าหนูรักแม่

Writer : nunzmoko
: 11 ธันวาคม 2561

แม้ว่าเด็กทารกวัยแรกเกิดถึงประมาณ 1 ขวบจะยังพูดไม่ได้ หรือพูดได้แค่ออกเสียงอ้อแอ้ แต่ลูกก็มีวิธีส่งสัญญาณบอกรักคุณพ่อคุณแม่ในแบบของเขา เป็นท่าทางที่บ่งบอกว่ารักหรือชอบสิ่งที่พ่อกับแม่ทำให้ อยากรู้ว่าเขาจะสื่อสารความรักออกมาเป็นยังไงมาดูกันเลยค่ะ

1. ยิ้มใจละลาย

อาจจะมีบางจังหวะที่ทารกยิ้มให้คุณแบบเต็มๆ ทำเอาคุณแม่เห็นแล้วแทบใจละลายเลยค่ะ การยิ้มแบบนี้ของทารก หมายความว่ากำลังพยายามสื่อสารกับคุณแม่อยู่นะคะ ถ้าอยากสื่อสารกันได้มากขึ้น คุณแม่ก็ต้องยิ้มบ่อยๆ เบบี๋จะได้ยิ้มตอบ แสดงออกถึงความรัก ความผูกพันที่มีให้กับระหว่างแม่ลูกได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

2. ดีใจเมื่อเห็นหน้า

   

เมื่อทารกโตขึ้นมาอีกหน่อยประมาณ จะสามารถแยกแยะและรับรู้ความแตกต่างของคนรอบๆ ตัวได้แล้ว ลองสังเกตดูได้ว่าเวลาที่ทารกเห็นหน้าคุณแม่หรือได้ยินเสียง ก็มักจะแสดงอาการดีใจจนออกนอกหน้า ดีใจมากกว่าเจอหน้าคนอื่นๆ และจะแสดงอาการดีใจมากขึ้นไปอีก เมื่อคุณแม่สัมผัสหรืออุ้มทารกน้อยขึ้นมาอยู่ในอ้อมกอด ดีใจขนาดนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหนูรักแม่ขนาดไหน

3. รีบคลานมาหา

พัฒนาการของทารกเมื่อเริ่มนั่ง ทรงตัว หรือคลานได้แล้ว คุณแม่จึงจะได้เห็นทารกน้อยคืบคลานไปทั่ว ไม่ว่าจะคลานไปหยิบจับของเล่น หรือแม้แต่กระทั่งคลานไปหาคุณแม่ เพื่อกระตุ้นพัฒนาการลูกให้เติบโตสมวัย ลองเรียกชื่อลูก แล้วดูว่าลูกน้อยรีบคลานเข้ามาหาคุณแม่ตามเสียงเรียก ที่นอกจากจะแสดงถึงพัฒนาการแล้ว ยังบ่งบอกว่าลูกรักอยากอยู่ใกล้ๆ คุณแม่อีกด้วยนะคะ

4. พูดอ้อแอ้แต่มีความหมาย

ทารกจะเริ่มอยากคุยกับคุณแม่แล้ว แม้จะพูดอ้อแอ้ ฟังไม่เป็นคำ แต่ถ้าคุณแม่ลองคุยโต้ตอบกับทารก ก็จะรู้ความหมายที่ทารกพยายามสื่อสารออกมา และนั่นอาจจะเป็นการแสดงให้รู้ว่าหนูรักคุณแม่มาก และยังเป็นการฝึกพัฒนาการด้านการพูดและการฟังของทารกอีกด้วย

5. เลียนแบบแม่จ๋า

การเลียนแบบ เวลาคุณแม่ทำปากจู๋ แลบลิ้น หรือเคลื่อนไหว เขาคิดว่าคุณแม่ชอบทำ เขาเลยทำตามเพื่อให้รู้ว่าเขาก็ชอบในสิ่งที่คุณแม่ชอบนะ

6. ห่างแม่แล้วร้องไห้งอแง

เด็กทารกเมื่อมีอายุประมาณ 9 เดือน-1 ปี จะมีอาการติดแม่ ขนาดว่าปล่อยไว้อยู่กับคุณพ่อ คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย แล้วก็ยังร้องไห้งอแง การแสดงออกในลักษณะนี้มีเหตุผลนะคะ การที่ทารกอยากอยู่ใกล้ๆ ไม่อยากให้คุณแม่ห่างไปไหนไกลๆ และก็กลัวว่าคุณแม่จะทิ้งหนูไปนั่นเอง เลยแสดงออกให้คุณแม่รู้ว่าหนูรักคุณแม่มาก คุณแม่จะได้อยู่ด้วยตลอดเวลานั่นเองค่ะ

คุณแม่ลองสังเกตุดูนะคะว่าลูกน้อยส่งสัญญาณความรักให้ด้วยท่าทางไหนบ้าง แล้วอย่าลืมตอบสนองลูกกลับด้วยนะคะ

ที่มา

 

Writer Profile : nunzmoko

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



จะรู้ได้ยังไงว่าลูกแพ้นมวัว?
ช่วงวัยของเด็ก
CAR SEAT กับเด็กแต่ละช่วงอายุ
ข้อมูลทางแพทย์
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save