fbpx

อยากเป็นเพื่อนสนิทกับลูก เลิกซะ!! ถ้ายังทำ 6 พฤติกรรมที่ทำให้ลูกไม่สนิทใจกับพ่อแม่แบบนี้อยู่

Writer : Mneeose
: 8 พฤศจิกายน 2564

คุณพ่อคุณแม่เคยสงสัยไหมคะว่า ทำไมบางครอบครัวเขาถึงได้สนิทกันมากขนาดนั้นเชียวนะ? อยากสนิทกับลูกแบบนั้นบ้างจัง ต้องทำอย่างไรบ้างนะ? คำถามโลกแตกที่คุณพ่อคุณแม่หลายบ้านอยากเป็นเพื่อนสนิทกับลูก แต่ไม่รู้จะเข้าหาลูกยังไง หรือพยายามจะเข้าหาลูกแล้ว แต่ก็รู้สึกว่าเหมือนลูกได้สร้างกำแพงที่เราไม่สามารถพังทลายเข้าไปได้สักที ยิ่งนานเข้าก็ยิ่งรู้สึกเป็นท้อ

พฤติกรรมแบบไหนของพ่อแม่ที่กำลังผลักลูกให้ห่างเหินออกไปแบบไม่รู้ตัว ถ้าหากคุณพ่อคุณแม่อยากสนิทสนมกับลูกน้อยมากขึ้น แต่ยังทำ 6 พฤติกรรมที่ทำให้ลูกไม่สนิทใจกับพ่อแม่แบบนี้อยู่ เลิกได้เลิก!! นะ เดี๋ยวหาว่าไม่เตือนจ้า

1. พ่อแม่ที่ชอบเลี้ยงลูกให้เป็นหุ่นชัก ไม่ให้อิสระทางความคิดกับลูก

เรามักเห็นกันบ่อยๆ กับคุณพ่อคุณแม่ที่มีลักษณะแบบนี้ เลี้ยงลูกให้เป็นหุ่นชักหุ่นเชิด แถมยังคอยบังคับเป็นคนชักใยอยู่เบื้องหลังตลอด ไม่ยอมให้ลูกได้มีอิสระทางความคิดเป็นของตัวเอง และมักจะเอาความคิดของตัวเองอยู่เหนือความคิดของลูกเสมอ

ถ้าคุณพ่อคุณแม่ยังทำพฤติกรรมแบบนี้อยู่ เจ้าลูกน้อยคงไม่กล้า และไม่รู้สึกอยากจะสนิทสนมกับคุณพ่อคุณแม่แน่นอนค่ะ

 

2. ไม่ให้คำปรึกษาที่ดี ลูกถาม จะโดนดุโดนว่ากลับมาตลอด

เวลาที่ลูกมีเรื่องเดือดร้อน หรือไม่สบายใจ หากเขาได้ปรึกษากับใครบางคนได้ ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อหรือคุณแม่ คงจะเป็นเรื่องที่ดี และคลายความกังวลของลูกได้มากอย่างแน่นอน

แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่บ้านไหนที่ชอบดุลูกเวลาที่ลูกชอบถาม หรือมาขอคำปรึกษา ก็จะโดนดุโดนว่ากลับมาตลอด ทำไมเมื่อเด็กมีปัญหาที่ไม่สบายใจ จึงไม่กล้าถาม หรือขอคำปรึกษาจากคุณพ่อคุณแม่ กลับเลือกที่จะเก็บไว้ในใจ จนอาจกลายเป็นหลุมปมด้อยของความรู้สึกได้เช่นกัน ซึ่งถ้าหลุมนั้นถูกขุดให้ลึก และถูกฝังความรู้สึกไว้เป็นเวลานาน วันนึงอาจจะกลายเป็นบ่อเกิดของโรคต่างๆ ตามมาได้ เช่น โรคจิตเวช และโรคซึมเศร้า เป็นต้น

เห็นไหมล่ะคะ ว่าการเลี้ยงลูกไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ยังไงคุณพ่อคุณแม่ก็ควรใส่ใจดูแลเรื่องการใช้คำพูดกับลูกน้อยด้วยเช่นกันค่ะ

 

3. ปลูกฝังแต่ความอ่อนแอ ด้วยคำพูด “ห้ามทำ, ทำไม่ได้”

“คำพูด” เป็นนาย “กาย” เป็นบ่าว ประโยคนี้เป็นประโยคที่สามารถบ่งบอกอะไรเราได้หลายอย่าง เมื่อพ่อแม่ได้พูดอะไรออกไปแล้ว ย่อมส่งผลกระทบทั้งด้านดี และด้านลบต่อลูก ซึ่งเป็นผู้ฟังอย่างแน่นอน

ที่สำคัญ คือ คำพูดนั้นสามารถปลูกฝังสิ่งต่างๆ ทั้งความเข้มแข็ง และความอ่อนแอได้ในเวลาเดียวกัน ขึ้นอยู่กับเจตนาของผู้พูดนั่นเอง ดังนั้น คำพูดของคุณพ่อคุณแม่จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สามารถเพิ่มพลัง หรือบั่นทอนจิตใจของลูกได้เช่นกัน

เพราะฉะนั้น ถ้าคุณพ่อคุณแม่อยากตีสนิทกับลูกให้มากขึ้น จงอย่าพูดคำว่า “ห้ามทำแบบนู่นนะ หรือลูกทำแบบนี้ไม่ได้หรอก” เพราะมันจะเป็นการฟันธงไปแล้วว่าลูกฉันทำไม่ได้หรอก มันจึงไม่ต่างอะไรกับการขุดหลุมดักความฝัน แต่ปลูกฝังความอ่อนแอและความกลัวทางอ้อมแทน ทำให้ลูกไม่มีความกล้าหาญในการลองทำสิ่งใหม่ๆ ทั้งๆ ที่ยังไม่เคยได้ลองทำสิ่งนั้นเลยนั่นเอง

 

4. ใช้มือถือเป็นพี่เลี้ยงลูก ไม่ชวนลูกไปทำกิจกรรมอย่างอื่น

ความสนิทมาพร้อมกับความเชื่อใจในการเลี้ยงดู หากคุณพ่อคุณแม่ใช้โทรศัพท์มือถือ หรือเครื่องมือสื่อสารต่างๆ เช่น ไอแพด แท็บเล็ตเป็นพี่เลี้ยงในการเลี้ยงลูก ให้ลูกจ้องดูแต่หน้าจอทุกเวลา ไม่ว่าเป็นตอนกินข้าว นั่งเล่น หรือก่อนนอนก็ตาม โดยที่ไม่ได้พาลูกไปทำกิจกรรมอย่างอื่น เพื่อเสริมทักษะและพัฒนาการด้านต่างๆ ของร่างกาย รวมทั้งจิตใจ จึงทำให้ลูกขาดความอบอุ่น และรู้สึกไม่สนิทกับพ่อแม่ไปโดยปริยาย

 

5. อยากให้ลูกเป็นแบบที่ตัวเองคิดวางแผนไว้ให้ แต่ไม่เคยผลักดันในสิ่งที่ลูกชอบ

อยากให้ลูกได้เดินตามเส้นทางที่ตัวเองวางไว้ให้ลูกตั้งแต่แรก เพื่อสนองความฝันและความคิดในวัยเด็กของตัวเอง แต่คุณพ่อคุณแม่อาจจะลืมคิดถึงจิตใจของลูกไป สิ่งหนึ่งที่สำคัญและจงอย่าละเลยเมื่อมีลูก นั่นก็คือ ความฝันของลูกสำคัญที่สุดค่ะ ซึ่งตัวของคุณพ่อคุณแม่ต้องเป็นคนที่ผลักดันและส่งเสริมให้ลูกได้พัฒนาเพื่อต่อยอดความฝันต่างๆ ที่ชอบด้วยนั่นเอง ถ้าคุณพ่อคุณแม่ทำแบบนี้ได้ รับรองว่าลูกต้องสนิทกับคุณพ่อคุณแม่เพิ่มขึ้นแน่นอนค่ะ

 

6. พ่อแม่สายขี้บ่น ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือใหญ่ก็บ่นได้ตลอด

ไม่มีใครอยากให้พ่อแม่ของตัวเองเป็นคนขี้บ่นหรอกนะคะคุณพ่อคุณแม่ ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ทุกทางย่อมมีทางแก้ไขได้เสมอ แต่ต้องรู้จักอธิบาย การใช้คำพูด รวมถึงตักเตือนด้วยคำพูดที่เหมาะสมนั่นเอง ลูกถึงจะเปิดใจยอมรับ และเชื่อฟังคุณพ่อคุณแม่นั่นเองค่ะ

อย่าลืมนะคะคุณพ่อคุณแม่! ถ้ายังทำพฤติกรรมเหมือนทั้ง 6 แบบนี้อยู่ต้องรีบเลิกเลยนะคะ หากอยากสานสัมพันธ์ให้เป็นเพื่อนสนิทกับลูกด้วยนั่นเองค่ะ ยังไงก็ลองปรับเปลี่ยนมุมมองดูทั้ง 2 ฝ่ายกันดูนะคะ Parents One ขอเป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัวทำความรู้จัก และได้สนิทสนมกับลูกมากขึ้นนะคะ

Writer Profile : Mneeose

💙💙💙

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
ไลฟ์สไตล์ ไลฟ์สไตล์
เคยกลับบ้านมาแล้วกรี๊ดลั่นบ้านเพราะเจ้าตัวแสบไปวิ่งเล่นเลอะเทอะกันไหมคะ ? หรือแต่งตัวลูกอย่างดีไปทานข้าวนอกบ้าน แต่คุณลูกก็ทำซอสหกใส่ ไอติมหล่นไปเป็นก้อน เละทั้งตัว วันนี้ ParentsOne มีเสื้อเด็กที่เจ๋งมากๆ จาก GQ : the good day lab™ มาลองรีวิวให้ได้ชมกันค่ะ 🛒 ช้อปเลยที่ -> https://gqsize.link/bZT7Sx แกะกล่อง GQ : the good day lab™ เสื้อเด็ก ฟีเจอร์เพียบ คุณภาพ GQ ขึ้นชื่อว่า GQ ก็มั่นใจได้เรื่องคุณภาพค่ะ ผ้านุ่ม เบาบาง เหมาะกับอากาศเมืองไทย ใส่วิ่งสบายๆ ที่แปลกตาคือเป็นเสื้อที่ไม่มีป้ายแท็กค่ะ ทั้งด้านหลังคอเสื้อ หรือข้างใน ไม่ต้องห่วงว่าจะเคืองหรือคันเลย กระดุมแข็งแรงเอามากๆ ใช้แรงผู้ใหญ่ดึงแรงๆ ก็ไม่มีปัญหาเลย ไฮไลท์สำคัญที่คุณแม่แทบกรี๊ด คือเป็นไม่เปื้อนค่าาาา เทน้ำ เทนมใส่เสื้อ ไม่เปียกเลย สะบัดสองที หายปกติ ซึ่งถ้าใครเคยเห็นโฆษณา GQ ที่เสื้อเชิ้ตขาวไปทำงานคุณพ่อ โดนกาแฟหกใส่ แต่ผ้าไม่เปื้อนเลย เทคโนโลยีผ้าสะท้อนน้ำ ตอนนี้มาอยู่ในเสื้อเด็กแล้ววววว ทีมงานทดสอบเทน้ำสีผสมอาหาร นม หรือแม้แต่ซอสมะเขือเทศลงบนเสื้อ ก็ไม่เปื้อนค่ะ ไม่น่าเชื่อมากๆ ข้อดีที่สุดของผ้าแบบนี้ คือทำให้ชีวิตคุณแม่สบายขึ้นมาก พาลูกไปเที่ยว วิ่งเล่นสนามหญ้า พาไปทานก๋วยเตี๋ยว หรือให้ทานอะไร ก็ไม่ต้องกลัวเสื้อสวยๆ เลอะ แถมประหยัดเวลาซักผ้าด้วย ไม่ต้องมาคอยแช่ผ้าให้คราบมันออกแบบสมัยก่อน สำหรับเสื้อเด็ก the good day lab™…
8 ธันวาคม 2566

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save