fbpx

สิ่งที่พ่อแม่ต้องรู้ ความก้าวร้าวของเด็กเมื่อได้รับสื่อก่อนวัยอันควร

Writer : Lalimay
: 21 กันยายน 2563

คงไม่มีคุณพ่อคุณแม่อยากให้ลูกเป็นเด็กก้าวร้าว แต่ความก้าวร้าวนั้นเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าที่คิดค่ะ เพราะพฤติกรรมการเลียนแบบของลูกที่ดูจากสื่อก็ถือเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่อาจทำให้ลูกกลายเป็นเด็กก้าวร้าวได้ แต่ที่สำคัญกว่าสิ่งอื่นใดก็คือการเลี้ยงดูและการอบรมสั่งสอนของคุณพ่อคุณแม่ที่ส่งผลให้ลูกเกิดพฤติกรรมก้าวร้าวได้เช่นกัน ในวันนี้เราจะมาพูดถึงความก้าวร้าวที่เกิดขึ้นจากการใช้สื่อก่อนวัยของลูกกันค่ะ

ทำไมลูกถึงก้าวร้าวจากสื่อ

เด็กก็เปรียบเสมือนฟองน้ำที่พร้อมซึมซับทุกพฤติกรรมที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวเขา ซึ่งสอดคล้องกับทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมของแบนดูรา (Bandura) นักจิตวิทยาชาวอเมริกันที่เชื่อว่า การเรียนรู้ของเด็กเริ่มต้นจากการเลียนแบบ เพราะมนุษย์มีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบๆ ตัวอยู่เสมอ นั่นแสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมของเด็กได้รับการซึมซับมาจากสภาพแวดล้อมหรือพฤติกรรมของคนรอบตัว

ซึ่งการที่เราให้ลูกดูสื่อก่อนวัยอันควร นั่นคือก่อนอายุ 2 ขวบ ลูกก็อาจจะซึมซับพฤติกรรมบางอย่างมาจากสื่อที่เขาดู ยิ่งถ้าเราไม่ได้คัดกรองสิ่งที่ลูกดูก็ยิ่งอันตราย เพราะเด็กยังไม่สามารถแยกแยะสิ่งต่างๆ ได้อย่างชัดเจน ยังไม่มีวิจารณญาณมากพอ อีกทั้งยังอยากรู้อยากลอง เช่น ดูสื่อที่ใช้แต่อารมณ์และมุ่งแต่จะเอาชนะเป็นหลัก แสดงความก้าวร้าวรุนแรง สื่อนี้ก็จะกลายเป็นตัวหล่อหลอมพฤติกรรมให้เด็กจดจำและทำตาม

นอกจากนี้อาจทำให้เขารู้สึกชินชากับพฤติกรรมของตัวละครว่าความก้าวร้าวเป็นเรื่องปกติ และค่อยๆ นำความก้าวร้าวที่เห็นมาเป็นวิธีการแก้ปัญหา อีกทั้งยังมีการทำตัวให้เหมือนกับบุคคลในสื่อ ทั้งเป็นผู้กระทำและเป็นฝ่ายถูกกระทำ จนในที่สุดอาจกลายเป็นพฤติกรรมประจำตัวของลูกไปเลย

และที่สำคัญที่สุดคือ ความรวดเร็วบนโลกออนไลน์นั้นทำให้เด็กๆ เคยชินกับการทำอะไรที่รวดเร็ว และคาดหวังว่าสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวและคนอื่นๆ จะต้องตอบสนองเขาอย่างรวดเร็วเหมือนกับเทคโนโลยีที่ใช้อยู่ ซึ่งเมื่อเด็กเล่นสมาร์ตโฟนหรืออยู่บนโลกออนไลน์เป็นระยะเวลานานๆ ก็จะทำให้เขามีปัญหาทางอารมณ์ คือใจร้อน รอคอยไม่เป็น ฉุนเฉียวง่าย หุนหันพลันแล่น อาจทำให้เขามีพฤติกรรมที่ก้าวร้าว เพราะหลายสิ่งในชีวิตจริงไม่ได้รวดเร็วเหมือนในโลกออนไลน์

ตัวอย่างที่ดีเริ่มต้นจากพ่อแม่

พ่อแม่คือคนสำคัญที่จะช่วยป้องกันไม่ให้ลูกเกิดพฤติกรรมก้าวร้าวจากการเลียนแบบสื่อค่ะ

  1. หากลูกอายุต่ำกว่า 2 ขวบไม่ควรให้ดูหน้าจอหรือสื่อออนไลน์อย่างเด็ดขาดเพราะจะส่งผลต่อพัฒนาการด้านต่างๆ ของลูก เพราะจากที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกแนวทางเกี่ยวกับเรื่องการใช้จอของเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ขวบนั้น มีข้อมูลดังนี้
  • เด็ก 0-2 ปี ไม่ควรใช้หน้าจออย่างเด็ดขาด
  • เด็กอายุ 2 ปีใช้ได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง แต่ห้ามใช้เลยจะเป็นการดีที่สุด
  • เด็กอายุ 3-4 ปี ใช้หน้าจอไม่เกิน 1 ชั่วโมงต่อวัน ยิ่งใช้น้อยยิ่งส่งผลดีต่อเด็ก
  1. ถ้าลูกอายุเกิน 2 ขวบแล้ว สามารถให้ดูได้บ้าง แต่อย่างที่บอกว่าต้องมีการกำหนดเวลาอย่างชัดเจน และต้องทำให้ได้ตามเวลาที่กำหนด ห้ามใจอ่อน ถึงแม้ว่าองค์การอนามัยโลกจะบอกให้ดูได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง แต่จริงๆ แค่ 30 นาทีก็เพียงพอแล้ว แล้วใช้เวลาที่เหลือไปกับการเล่นสนุกนอกจอก็จะส่งผลดีต่อพัฒนาการมากกว่าค่ะ
  2. พ่อแม่ต้องเป็นเลือกสิ่งที่จะให้ลูกดูด้วยตัวเอง และต้องนั่งดูกับลูก อย่าปล่อยให้เขาดูตามลำพังเด็ดขาด
  3. เมื่อลูกโตขึ้นในระดับที่เขาสามารถค้นหาสิ่งที่จะดูได้ด้วยตัวเองจนไปเจอกับสื่อที่มีเนื้อหารุนแรง พ่อแม่ต้องคอยสอนหรืออธิบายการกระทำของสิ่งที่ลูกดู และต้องบอกลูกว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ควรพูดจาด้วยเหตุผลมากกว่าดุลูก
  4. แสดงความไม่เห็นด้วยต่อฉากหรือตอนที่มีความรุนแรงต่อหน้าเด็ก เน้นให้เด็กทราบว่าความรุนแรงไม่ใช่ทางออกของปัญหา
  5. พ่อแม่ต้องเป็นตัวอย่างที่ดี เมื่อเราแสดงให้ลูกเห็นว่าความรุนแรงไม่ใช่เรื่องดี พ่อแม่ก็ต้องไม่แสดงความรุนแรงในชีวิตจริงด้วย เพราะถึงแม้เราจะป้องกันไม่ให้ลูกเห็นจากสื่อ แต่ถ้าเรายังแสดงถึงความรุนแรง ก้าวร้าวเสียเอง ลูกก็จะยังซึมซับพฤติกรรมเหล่านั้นได้อยู่ดี
  6. หากิจกรรมอื่นที่น่าสนใจมากกว่าการนั่งอยู่หน้าจอ เพื่อเป็นกิจกรรมที่ทำด้วยกันทั้งครอบครัว นอกจากช่วยลดพฤติกรรมติดสื่อแล้ว ยังเพิ่มความสนิทสนมภายในครอบครัว เช่น เล่นกีฬา ทำขนม ทำอาหาร ทำงานบ้าน เล่นบทบาทสมมติ เล่นเกมกระดาน หรือไปเที่ยวในที่ต่างๆ

เมื่อเห็นดังนี้แล้ว ก็จะเห็นได้ว่าสื่อไม่ใช่ตัวร้ายที่ทำให้เด็กเป็นคนก้าวร้าวซะทีเดียว แต่ขึ้นอยู่กับช่วงวัยและคุณพ่อคุณแม่ซึ่งเป็นผู้เลี้ยงดูมากกว่าว่าจะจัดการและเลือกใช้สื่ออย่างไรให้เหมาะสมและมีประโยชน์ต่อลูกมากที่สุด

ข้อมูลอ้างอิง

สนับสนุนโดย : กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

Writer Profile : Lalimay

  • Blog :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



กำลังใจที่ไม่เคยสังเกต
ชีวิตครอบครัว
ลูกชอบพูดแทรก จะแก้อย่างไร
ชีวิตครอบครัว
Update
ไลฟ์สไตล์ ไลฟ์สไตล์
เคยกลับบ้านมาแล้วกรี๊ดลั่นบ้านเพราะเจ้าตัวแสบไปวิ่งเล่นเลอะเทอะกันไหมคะ ? หรือแต่งตัวลูกอย่างดีไปทานข้าวนอกบ้าน แต่คุณลูกก็ทำซอสหกใส่ ไอติมหล่นไปเป็นก้อน เละทั้งตัว วันนี้ ParentsOne มีเสื้อเด็กที่เจ๋งมากๆ จาก GQ : the good day lab™ มาลองรีวิวให้ได้ชมกันค่ะ 🛒 ช้อปเลยที่ -> https://gqsize.link/bZT7Sx แกะกล่อง GQ : the good day lab™ เสื้อเด็ก ฟีเจอร์เพียบ คุณภาพ GQ ขึ้นชื่อว่า GQ ก็มั่นใจได้เรื่องคุณภาพค่ะ ผ้านุ่ม เบาบาง เหมาะกับอากาศเมืองไทย ใส่วิ่งสบายๆ ที่แปลกตาคือเป็นเสื้อที่ไม่มีป้ายแท็กค่ะ ทั้งด้านหลังคอเสื้อ หรือข้างใน ไม่ต้องห่วงว่าจะเคืองหรือคันเลย กระดุมแข็งแรงเอามากๆ ใช้แรงผู้ใหญ่ดึงแรงๆ ก็ไม่มีปัญหาเลย ไฮไลท์สำคัญที่คุณแม่แทบกรี๊ด คือเป็นไม่เปื้อนค่าาาา เทน้ำ เทนมใส่เสื้อ ไม่เปียกเลย สะบัดสองที หายปกติ ซึ่งถ้าใครเคยเห็นโฆษณา GQ ที่เสื้อเชิ้ตขาวไปทำงานคุณพ่อ โดนกาแฟหกใส่ แต่ผ้าไม่เปื้อนเลย เทคโนโลยีผ้าสะท้อนน้ำ ตอนนี้มาอยู่ในเสื้อเด็กแล้ววววว ทีมงานทดสอบเทน้ำสีผสมอาหาร นม หรือแม้แต่ซอสมะเขือเทศลงบนเสื้อ ก็ไม่เปื้อนค่ะ ไม่น่าเชื่อมากๆ ข้อดีที่สุดของผ้าแบบนี้ คือทำให้ชีวิตคุณแม่สบายขึ้นมาก พาลูกไปเที่ยว วิ่งเล่นสนามหญ้า พาไปทานก๋วยเตี๋ยว หรือให้ทานอะไร ก็ไม่ต้องกลัวเสื้อสวยๆ เลอะ แถมประหยัดเวลาซักผ้าด้วย ไม่ต้องมาคอยแช่ผ้าให้คราบมันออกแบบสมัยก่อน สำหรับเสื้อเด็ก the good day lab™…
8 ธันวาคม 2566

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save