fbpx

6 เคล็ดลับ ฝึกให้ลูกเป็นเด็กอารมณ์ดีจากฮาร์วาร์ด

Writer : Mookky TCN
: 15 พฤศจิกายน 2560

พ่อแม่ทุกคนคงอยากไม่อยากให้ลูกเป็นหนูน้อยอารมณ์เสียที่ชอบเหวี่ยง วีน ตลอดเวลา เเละตั้งใจลูกของตัวเองโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดีเเน่ๆ เราขอหยิบเคล็ดลับดีๆ 6 ข้อ จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่พูดถึงวิธีเลี้ยงลูกให้กลายเป็นเด็กที่ทั้งใจดี มีความรับผิดชอบ เเละเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ลองมาอ่านกันดูนะคะ 😀

1. สอนให้ลูกหัดควบคุมอารมณ์

อารมณ์โกรธ เศร้า และผิดหวัง นั้นส่งผลกระทบต่อผู้ใหญ่มากพอๆ กับเด็กๆ แต่เราใหู้กรับมือกับอารมณ์ทางลบเหล่านี้ได้ ด้วยการสอนให้เด็กหายใจเข้าออกลึกๆ นิ่งๆ พร้อมนับหนึ่งถึงห้า เวลาที่รู้สึกว่าโมโห พยายามหาเวลาที่ลูกกำลังสงบ เเล้วฝึกให้เขาทำซ้ำๆ จะทำให้เด็กควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีขึ้น

2. สอนให้รับผิดชอบการกระทำของตัวเอง

ลูกก็เหมือนกระจกสะท้อนของพ่อเเม่ เพราะพวกเขามักจะปฎิบัติตามพฤติกรรมที่พ่อเเม่เเสดงออก ควรพูดคุยเรื่องศีลธรรม เเละอธิบายถึงความรับผิดชอบในการกระทำของตัวเอง โดยอาจยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น การตอกตะปู เหมือนที่มีหลายคนเคยเปรียบเทียบ “ตะปู” ว่าเหมือน “อารมณ์โกรธ” ที่เวลาเราแสดงอารมณ์โกรธก็เหมือนตอกตะปูไปที่กำเเพง ถึงจะถอนออกก็ยังมีรอย เเละอย่าลืมทำตัวเป็นต้นแบบที่ดีกับลูก พร้อมกระตุ้นให้พวกเขาทำสิ่งดีๆ เสมอ

3. สอนให้เห็นอกเห็นใจคนที่อ่อนแอกว่า

ลองขอให้พวกเขาจินตนาการว่าตัวเองจะรู้สึกอย่างไรหากเป็นเด็กใหม่ในชั้นเรียน หรือลองคิดเล่นๆ กับลูกว่าเราจะทำอะไรเพื่อเด็กที่หิวโหยในประเทศเเถวแอฟริกาได้บ้าง? หรือจะช่วยเหลือคนไร้บ้านได้อย่างไร?

4. สอนให้เห็นคุณค่าสิ่งต่างๆ

สอนให้ลูกขอบคุณสิ่งเล็กๆ น้อยๆ รอบตัว เช่น ขอให้พวกเขากอดและขอบคุณยายสำหรับขนมอร่อยๆ ที่ท่านทำให้เเละเตือนให้ลูกพูดขอบคุณเสมอเมื่อมีโอกาส เพราะมีการวิจัยพบว่าคนที่แสดงความขอบคุณบ่อยๆ มีความสุขและมีสุขภาพดีกว่าผู้ที่ไม่ค่อยเเสดงอออก

5. สอนให้รู้ว่าพฤติกรรมแบบไหนที่ดี

พ่อแม่ส่วนใหญ่มักมองไปที่ความสำเร็จของลูก เช่น การเรียน ดังนั้นก็ควรทำมาแบบเดียวกันกับพฤติกรรมทางจริยธรรมของเด็กๆ  สิ่งสำคัญคือต้องกำหนดค่านิยมของครอบครัวของคุณอย่างชัดเจน เช่น ทำแบบนี้ถึงจะชม ถ้าทำเรื่องนี้จะได้รับดาวจากพ่อเเม่นะ

6. ใช้เวลาร่วมกับลูกเยอะๆ

สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ลูกเป็นเด็กอารมณ์ดี พยายามที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ลูกรู้สึกว่ามั่นคง ด้วยการไปเที่ยวที่สวยๆ พร้อมกันทั้งครอบครัว และแสดงออกให้เห็นว่าคุณรักเขามากแค่ไหน ทั้งหมดนี้จะช่วยให้ลูกกลายเป็นคนอ่อนโยน เเละสามารถแบ่งปันความรู้สึกดีๆ เหล่านี้ให้กับคนรอบข้างได้

การจะสร้างเด็กคนหนึ่งให้กลายเป็นเด็กอารมณ์ดี ต้องอาศัยทั้งเวลา ความอดทน เเต่รับรองว่าผลที่ได้รับจะคุ้มค่าเเน่นอนค่ะ 😀

ขอบคุณBrightside

Writer Profile : Mookky TCN

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save