fbpx

7 วิธีสอนลูกให้เป็นเด็กกตัญญู

Writer : nunzmoko
: 7 พฤษภาคม 2561

 

ความกตัญญูเป็นคุณสมบัติของคนดี ถ้าเราสอนลูกของเราเป็นคนที่มีความกตัญญูรู้คุณก็จะทำให้เขา สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข เพราะสังคมปัจจุบัน เราดำเนินชีวิตแบบต่างคนต่างอยู่ ไม่มีใครสนใจใคร คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกมีความกตัญญูรู้คุณต่อสิ่งต่างๆ แล้วจะมีวิธีสอนลูกอย่างไรบ้าง ไปดูกันค่ะ

1. สอนตั้งแต่ยังเล็ก

สอนให้ลูกรู้จักพระคุณพ่อแม่ พ่อแม่คือผู้ที่ทำให้ลูกได้มีโอกาสเกิดขึ้นมาลืมตาดูโลก ให้ชีวิต และต้นแบบทางร่างกายแก่ลูก สั่งสอนลูกให้เป็นคนดี รู้จักผิดชอบชั่วดี และส่งเสริมให้ลูกได้เล่าเรียนหนังสือ

2. เป็นแบบอย่างที่ดี

สอนให้ลูกรู้จักซาบซึ้งในพระคุณของพ่อแม่ คนที่เป็นพ่อ เป็นแม่ จะต้องแสดงความกตัญญูให้ดูเป็นตัวอย่าง ด้วยการแสดงความกตัญญูต่อปู่ย่าตายายให้ลูกเห็น

3. ชมเชยลูกเมื่อแสดงความกตัญญู

เมื่อลูกแสดงความกตัญญู อย่าลืมชมเชยลูกเพื่อเป็นกำลังในการแสดงความกตัญญูของลูก ให้เขาภาคภูมิใจในการความกตัญญู เช่น เมื่อเขาเป็นเด็กดี ช่วยงานบ้านพ่อแม่ ไม่ร้องไห้งอแง หรือเอาแต่ใจ

4. ชมเชยผู้ที่กตัญญูให้ลูกเห็น

พูดถึงคนที่มีความกตัญญูให้ลูกๆ ฟัง ว่าเขาดีอย่างไร เช่น เขาทำบัตรอวยพรวันพ่อวันแม่ ตอบแทนพระคุณโดยการช่วยทำงานบ้าน ตอบแทนพระคุณด้วยการเป็นเด็กดีของพ่อแม่ แต่ไม่ควรกดดันลูกๆ ให้กตัญญู

5. สอดแทรกการสอนผ่านประเพณีต่างๆ

สอนให้ลูกรู้จักวัฒนธรรมอันดีงามของไทยที่สอดแทรกเรื่องความกตัญญู เช่น การทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว การบวชเณรเพื่อให้พ่อแม่ได้เกาะชายผ้าเหลือง วันขึ้นปีใหม่ วันสงกรานต์ วันลอยกระทง

6. สอนให้ลูกกตัญญูต่อสิ่งแวดล้อม

สอนให้ระลึกถึงป่าไม้ ทุ่งนา แม่น้ำ ลำธาร และถนนหนทาง สิ่งสาธารณะประโยชน์ ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ สอนให้รู้จักการอนุรักษ์ บำรุงรักษาในสิ่งเหล่านี้ให้คงอยู่กับมนุษย์ต่อไป ความกตัญญูทำให้สภาวะแวดล้อมไม่ถูกทำลาย เพราะทุกคนช่วยกันอนุรักษ์ บำรุง รักษาสิ่งแวดล้อมให้คงอยู่ ทุกคนก็จะมีความสุขในการใช้ชีวิตในสิ่งแวดล้อมที่ดี มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง

7. การสอนให้ลูกกตัญญูต่อคุณครู

พ่อแม่ควรแสดงความเคารพต่อคุณครูให้ลูกเห็นเป็นแบบอย่าง เช่น เมื่อพบคุณครูก็ยกมือไหว้สวัสดี เมื่อถึงวันครูก็นำพวงมาลัยไปกราบท่าน เพราะการสอนให้ลูกกตัญญูไม่ใช่กับพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่เท่านั้น แต่ควรสอนให้ลูกรู้จักกตัญญูรู้คุณกับผู้มีพระคุณทุกๆ คนค่ะ

การเป็นคนกตัญญูรู้คุณ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนหรือไปที่ไหนก็จะมีแต่คนรักใคร่และชื่นชม และจะเป็นบุคคลที่ได้รับการต้อนรับจากผู้อื่นอย่างดีเสมอ เขาจะได้รับการช่วยเหลือตอบแทนกลับมา เหมือนอย่างที่เขาเคยทำความดีเช่นนี้ต่อผู้อื่นนั่นเองค่ะ

ที่มา – ดร.แพง ชินพงศ์

Writer Profile : nunzmoko

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



วิธีสอนลูกเอาตัวรอดเมื่อติดอยู่ในรถ
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
วิธีสอนลูกเอาตัวรอดเมื่อติดอยู่ในลิฟต์
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
ชีวิตครอบครัว ชีวิตครอบครัว
25 มีนาคม 2562
5 บทเรียนที่พ่อแม่ควรสอนลูกวัยอนุบาล
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
10 วิธี ฝึกลูกให้เข้มแข็ง
ไลฟ์สไตล์
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save