แอสเพอร์เกอร์ซินโดรม (Asperger’s Syndrome) เป็นอีกหนึ่งโรคที่ไม่ควรมองข้าม เป็นกลุ่มอาการที่เกี่ยวกับความผิดปกติของระบบประสาท เกี่ยวข้องกันกับโรคออทิสติค ซึ่งเป็นปัญหาเกี่ยวกับการแสดงออกทางพฤติกรรมและการพูด ซึ่งถ้าลูกรักเราเป็นโรคนี้คงไม่ดีแน่ ไปดูกันว่าพฤติกรรมและลักษณะอาการของเด็กที่เป็นแอสเพอร์เกอร์เป็นยังไงและจะมีวิธีดูแลเด็กได้อย่างไรบ้างค่ะ
1. ทักษะด้านภาษา
เด็กจะมีการพูดและทักษะการใช้ภาษาอยู่ในเกณฑ์ปกติ เด็กอาจพูดได้ถูกหลักไวยากรณ์ แต่ไม่สามารถเข้าใจเนื้อหาที่ลึกซึ้งหรือความหมายโดยนัยที่แฝงอยู่ เช่น
- ไม่เข้าใจมุกตลก คำล้อเลียน และคำประชดประชันต่างๆ
- ชอบพูดคุยกับผู้ใหญ่แบบเป็นทางการ เกินกว่าอายุของลูก
- ไม่เข้าใจคำพูด หรือ คำสั่งรายละเอียดปลีกย่อย
- มักชอบพูดซ้ำๆ เรื่องเดิมๆ ที่ตนเองสนใจ
2. ทักษะด้านสังคม
จะสังเกตได้ว่าเมื่อเด็กต้องมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ อาจมีพฤติกรรมการแสดงออกที่ดูแปลกกว่าเด็กวัยเดียวกัน เช่น
- ไม่ค่อยมองหน้าหรือสบตาเวลาพูดคุย
- แยกตัวอยู่คนเดียว ไม่ค่อยสนใจบุคคลรอบข้าง
- เล่นกับเด็กคนอื่นไม่ค่อยเป็น ไม่รู้จักการทักทาย
- พอเจอปุ๊บอยากถามอะไร อยากรู้อะไรก็จะพูดโพล่งออกมา ไม่มีการเกริ่นนำ ถามเรื่องที่สนใจโดยไม่เสียเวลา
- ไม่ค่อยรู้จักกาลเทศะ เรื่องที่พูดคุยมักเป็นเรื่องของตนเองมากกว่าเรื่องอื่นๆ
- ขาดความเข้าใจหรือเห็นใจผู้อื่น
3. ด้านพฤติกรรม
เด็กจะมีความสนใจเฉพาะเรื่องและชอบทำอะไรซ้ำๆ ถ้าเขามีความสนใจอะไรก็สนใจมากจนถึงขั้นหมกมุ่น โดยเฉพาะกับเรื่องที่ค่อนข้างมีความซับซ้อน และอาจเป็นเรื่องที่คนอื่นไม่สนใจ พฤติกรรมที่บ่งบอก เช่น
- ประสาทสัมผัสช้า
- ชอบที่จะจดจ้องไปที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งมากเกินไป จดจ่ออยู่กับสิ่งเหล่านั้นเป็นชั่วโมงๆ โดยไม่สนใจสิ่งใดรอบข้างเลย
- มีความไวต่อสิ่งเร้าที่มาจากภายนอกค่อนข้างมากกว่าคนทั่วไป
- ทำอะไรเป็นเวลา ต้องทำให้เหมือนๆ กันเป็นกิจวัตรประจำวัน เช่น ต้องตื่นตอน อาบน้ำ เป็นต้น
- ไม่ค่อยยอมทำตามคำสั่งที่ผู้ปกครองคอยสอน
- มีความผิดปกติออกทางร่างกายหรือสีหน้า ชอบทำท่าทางหรือสีหน้าที่ผิดปกติ
- พัฒนาการช้ากว่าวัย เช่น เขียนหนังสือ ขี่จักยานช้า
ข้อแนะนำในการช่วยเด็กที่มีภาวะเป็นแอสเพอร์เกอร์ซินโดรม
- เล่นกับเด็กโดยเอาความสนใจของเด็กเป็นที่ตั้ง แล้วค่อยๆ ขยายความสนใจเหล่านั้นไปในแง่มุมอื่นๆ
- สนทนากับเด็กด้วยคำง่ายๆ ชัดเจน เป็นสถานการณ์จริงหรือรูปภาพ จะทำให้เด็กเข้าใจง่ายและเกิดการเรียนรู้ได้เร็ว
- การใช้คำสั่งกับเด็กต้องมีความสม่ำเสมอ คงเส้นคงวาไม่เปลี่ยนแปลงบ่อย
- สนับสนุนให้เด็กเข้าเรียนร่วม ทำให้สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน และใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนอื่นได้
- สนับสนุนกิจกรรมหลากหลายเพื่อให้เด็กได้มีประสบการณ์ใหม่ๆ อย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้เพื่อลดความสนใจและความเคยชินที่ซ้ำๆ