fbpx

ในวันที่ลูกคนโตไม่ติดแม่ เราจะมีวิธีแก้ได้อย่างไร

Writer : Mookky TCN
: 17 พฤศจิกายน 2560

หลายบ้านมีปัญหาว่าทำไมพอเรามีลูกคนที่สอง ลูกคนเเรกถึงกลายเป็นไม่ติดเราเลย ในความจริงอาการแบบนี้เรียกว่า “พฤติกรรมถดถอยในลูกคนโต” เพราะเมื่อคุณเเม่มีลูกอีกคนก็ทำให้เด็กรู้สึกว่าตนเองถูกเเย่งความรักไป ในเด็กบางคนเเสดงออกด้วยการไม่ติดเเม่เลย เเต่หันไปติดพี่เลี้ยง คุณพ่อ คุณยายเเทน มาลองดูกันค่ะว่าอาการนี้มีสาเหตุจากอะไร เเล้วเราจะรับมืออย่างไรดีนะ

สาเหตุ

เรากำลังพูดถึงเด็กเล็ก ซึ่งเป็นวัยที่เด็กรู้สึกว่าทุกอย่างหมุนรอบตัวเอง พอมีความรู้สึกว่ามีน้องก็เหมือนมีคนมาเเย่งความรักจากเขาไป ทำให้เด็กต้องมองหาแหล่งปลอดภัยเเหล่งใหม่เพื่อความมั่นคงทางความรู้สึกนั่นเองค่ะ

วิธีรับมือ

1. แบ่งเวลา

คุณเเม่ต้องแบ่งเวลาให้เขาอย่างชัดเจนเลยถ้ามีน้องเเล้ว เพื่อให้เด็กรู้สึกว่าเราให้ความสำคัญกับเขานะ เช่น กำหนดให้วันนี้เป็นวันของเขาเลยหนึ่งวัน ที่คุณเเม่จะไม่ทำงานเเล้วใช้เวลาอย่างเต็มที่กับลูกคนโต เรียกได้ว่าเป็นการให้เวลาคุณภาพกับเขาอย่างเต็มที่

2. อย่าเปลี่ยนแปลง

ไม่ควรเปลี่ยนกิจวัตรประจำวันของลูกทันที ถึงเเม้ว่าจะเหนื่อยเพราะต้องเลี้ยงลูกสองคนก็ตาม เช่น ให้ลูกคนโตไปนอนกับพี่เลี้ยงเลยทันที หรือส่งลูกคนโตให้ไปโรงเรียนเลย เพราะเขาจะคิดว่าน้องเป็นคนที่ทำให้ตัวเองต้องออกจากบ้าน เเละยิ่งน้อยใจคุณพ่อคุณเเม่มากขึ้น

3.ให้ความสำคัญ

ความผิดพลาดส่วนใหญ่ที่พ่อเเม่มักทำกัน คือ ชอบบอกว่าคนพี่ต้องยอมน้อง หรือเป็นพี่ต้องเสียสละให้น้อง เเต่ความจริงพี่ก็ต้องการการยอมรับ เเละความรักเหมือนกัน ในสถานการณ์ที่เรามักเจอบ่อยอย่างการเเย่งของเล่น ถ้าน้องเข้ามาเเย่งของเล่นพี่ คุณพ่อคุณเเม่ไม่ควรบอกกับพี่ว่า “เป็นพี่ต้องเสียสละให้น้องนะ” เเต่ควรพูดคุยทำความเข้าใจกับลูกอย่างเหมาะสม เเละอีกอย่างที่สำคัญมากต้องอย่าพูดแกล้ง ประชด หรือเเหย่ลูกคนโตว่า รักน้องมากกว่า ไม่รักคนพี่แล้ว เพราะจะทำให้ลูกยิ่งอคติกับน้อง

4. เล่นกับลูกเยอะๆ

การเล่นกับลูกช่วยให้ลูกดีขึ้นเยอะ เพราะการเล่นมีค่าสำหรับเด็กมาก ช่วยทำให้เด็กรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า มีความสำคัญ เเละยังคนที่แม่ยอมรับอีกด้วย การเล่นช่วยให้เกิดความรู้สึกดีทั้งต่อเด็กเองและผู้ใหญ่ที่เล่นด้วย และยังเป็นการสานสัมพันธ์ระหว่างเเม่กับลูก โดยกิจกรรมที่เเนะนำมากๆ ให้คุณพ่อคุณเเม่ทำคือการอ่านนิทานก่อนนอน เพราะนิทานช่วยเสริมสร้างจินตนาการ เเละช่วยพัฒนาทักษะ EF ของเด็กค่ะ

5. สร้างความมั่นใจ

บางครั้งลูกอาจมมีพฤติกรรมที่ไม่น่ารักบ้าง เด็กบางคนเวลาที่เห็นเเม่ทำอะไรให้น้องก็อยากให้ตัวเองได้แบบนั้นบ้าง เช่น เห็นเเม่ป้อนข้าวให้น้อง ก็อยากให้เเม่ป้อนตัวเองบ้าง ทั้งๆ ที่สามารถทานข้าวเองได้เเล้ว คุณเเม่ต้องค่อยๆ พูดกับเขาว่า “แม่เข้าใจว่าหนูกำลังโกรธ (การพูดว่าเข้าใจจะทำให้เด็กรับฟังคำสอนของเรามากขึ้น) และแม่ก็รู้ว่าหนูกินข้าวเองได้ แม่ก็ภูมิใจที่หนูทำได้นะ (เป็นการยืนยันว่าเราชอบที่ลูกช่วยตัวเหลือเองได้) ลุกมากินข้าวด้วยกันนะจ๊ะ ” การพูดเเบบนี้เช่วยสร้างความมั่นใจให้เด็กว่าถึงเเม้เราไม่ได้ดูเเลเขาทุกอย่างเเบบน้องที่เพิ่งเกิดมา เเละยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เเต่เราก็รักเขาเหมือนกัน

เวลาที่ลูกมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปอย่าเพิ่งตกใจหรือกังวลมากเกินไปนะคะ เพราะเป็นภาวะตามธรรมชาติที่มีอยู่เเล้ว เพียงเเค่คุณเเม่ต้องทำความเข้าใจว่าสิ่งที่ลูกกำลังทำอยู่ เพราะเด็กอยากให้เรากลับมาใส่ใจเหมือนเดิม เเละเมื่อเราเข้าใจกับพฤติกรรมของลูกก็ทำให้พร้อมรับมือได้ด้วยวิธีที่เหมาะสม ซึ่งจะทำให้ลูกกลับมามีพฤติกรรมที่น่ารักเหมือนเดิมค่ะ 😀

 

 

Writer Profile : Mookky TCN

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



7 โรงเรียนสอนว่ายน้ำสำหรับเด็ก
ช่วงวัยของเด็ก
ชีวิตครอบครัว ชีวิตครอบครัว
10 สิงหาคม 2560
รวม 7 รายการทีวีสำหรับเด็ก จากช่องThaiPBS
กิจกรรมของครอบครัว
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save