fbpx

ลาคลอด !!! ตามกฏหมายคุณแม่มีสิทธิยังไงบ้างนะ พ่อล่ะ มีสิทธิด้วยมั้ย

Writer : parentsone
: 22 สิงหาคม 2560

ในฐานะ Human Resource Professional เก่า ซึ่งหันหลังให้วงการมาดูแลสองลิง จึงเขียนบทความเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะต้องให้คำปรึกษากับพนักงานในองค์กรมาตลอด จึงเห็นว่าสำหรับคุณแม่ท้องที่เป็นพนักงานบริษัท เป็นลูกจ้างที่อยู่ในระบบประกันสังคม ก็ควรต้องศึกษาในเรื่องของสิทธิการลาคลอด ว่าสามารถลาได้กี่วัน นับยังไง และมีสิทธิในการเบิกค่าคลอด ค่าจ้างที่จะได้รับจากนายจ้างเป็นเท่าใด และสิทธิประโยชน์ทดแทนที่จะเบิกได้จากประกันสังคมอีกละ 

นอกจากสิทธิของคุณเเม่เเล้ว หลายๆ คนยังมีคำถามคาใจ พ่อล่ะ พ่อจ๋าน่ะ ลาหยุดได้เหมือนภรรยาไหมคะ มาเรามาตามหาคำตอบได้ในบทความนี้กันค่ะ มันก็จะดูมีหลักการหน่อยๆ ตามประสาข้อกฎหมายละนะ แต่จะพยายามเขียนให้เข้าใจง่ายๆนะคะ

สิทธิลาคลอดตามกฎหมาย

  • คุณแม่ลาคลอดได้ 90 วัน โดยนับวันหยุดในระหว่างวันลารวมด้วย โดยได้รับเงินค่าจ้าง 45 วันจากนายจ้าง 45 วันจากประกันสังคม ส่วนที่ได้รับจากประกันสังคม จะเหมาจ่ายในอัตราร้อยละ 50 ของเงินเดือนเฉลี่ย 90 วัน (คิดจากฐานเงินเดือนไม่เกิน 15,000 บาท)
  • ส่วนถ้าคุณแม่คนไหนฐานเงินเดือนเกิน 15,000 บาท ประกันสังคมเค้าก็จะคำนวณให้ที่ 15,000 บาท เป็นฐานสูงสุดค่ะ  ซึ่งก็เยอะอยู่ แต่คุณแม่จะต้องส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนวันรับบริการทางการแพทย์ด้วยนะคะจึงเข้าเกณฑ์นี้ และเงินส่วนนี้จะได้รับเฉพาะบุตร 2 คนเท่านั้น  คุณพ่อยังไม่มีกฏหมายกำหนดให้มีการลาคลอดได้นะจ๊ะ แต่ในบางองค์กรอาจมีการกำหนดขึ้นมาเองได้ ซึ่งตอนนี้แว่วๆว่ามีหลายที่ ที่กำหนดวันลาประเภทนี้ให้คุณพ่อแล้วจ้า
  • คุณแม่บางท่านกังวลเรื่องค่าจ้างที่อาจได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยจากประกันสังคมสำหรับสี่สิบห้าวันหลัง ก็อาจฟิตร่างกายกลับมาทำงานก่อนครบกำหนดเก้าสิบวันก็ทำได้นะคะ นายจ้างก็จะจ่ายค่าจ้างตามวันที่เรากลับมาทำงานให้เลยค่ะ แต่ถ้าไม่กังวลในข้อนี้ ก็อยากให้คุณแม่ใช้เวลาอยู่กับลูกให้เต็มที่ พักผ่อนฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรง เชื่อสิว่าร้อยทั้งร้อยครบเก้าสิบวันแล้วยังไม่อยากกลับมาทำงานเลยค่ะ

ค่าคลอดบุตร

คุณแม่ๆทั้งหลายที่เป็นผู้ประกันตนควรทราบนะคะว่าเราจะเบิกค่าคลอดบุตรได้อย่างไรบ้าง  ทราบแล้วก็อย่าลืมไปเบิกด้วยนา เดี๋ยวจะหาว่าสวยไม่เตือน เกริ่นแล้วก็มาดูกันค่ะว่าเราต้องทำอย่างไร

  • คุณแม่สามารถเบิกค่าคลอดบุตรจากสำนักงานประกันสังคมในอัตราเหมาจ่าย 13,000 บาทต่อการคลอดบุตรหนึ่งครั้ง (เริ่มจ่ายวันที่ 1 มกราคม 2554–ปัจจุบัน) ปรับขึ้นมาจากแต่ก่อนนะคะ โดยที่คุณแม่จะต้องจ่ายเงินสมทบครบ 5 เดือนภายในระยะเวลา 15 เดือน ก่อนเดือนคลอดบุตร
  • การเบิกค่าคลอดบุตรนั้น คุณแม่ที่เป็นผู้ประกันตนจะเบิกได้จำนวนบุตร 2 คนเท่านั้น ซึ่งหากคุณแม่และคุณพ่ออยู่ในระบบประกันตนทั้งคู่ ก็จะสามารถเบิกได้จำนวนบุตรคนละ 2 คน ต่างคนต่างเบิก และไม่สามารถนำบุตรคนเดียวกันไปเบิกได้นะคะ
  • ส่วนการเบิกจ่ายนั้นก็ง่ายมากๆ เตรียมเอกสารให้พร้อมแล้วไปติดต่อที่สำนักงานประกันสังคมพื้นที่ใดก็ได้ที่คุณแม่หรือคุณพ่อสะดวก ไปยื่นเอกสารแล้วก็รอรับเงินโอนเข้าบัญชีธนาคารได้เลยค่ะ โดยการเบิกจ่ายนั้น เราจะนำเอกสารไปเบิกทีเดียวทั้งค่าคลอดบุตร เงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตร และเงินสงเคราะห์บุตร ดังนั้นเตรียมเอกสารไปให้พร้อมนะคะ  เอกสารและรายละเอียดเพิ่มเติม ดูได้ที่  สำนักงานประกันสังคม 

ค่าสงเคราะห์บุตร

  • คุณแม่ผู้ประกันตนที่จะได้สิทธินี้จะต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 12 เดือน ภายในระยะเวลา 36 เดือน ก่อนเดือนที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ ทั้งนี้คุณแม่จะได้รับเงินสงเคราะห์บุตรเหมาจ่ายเดือนละ 400 บาทต่อบุตรหนึ่งคน โดยอายุของบุตรที่อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดจะต้องมีอายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ ใช้สิทธิได้คราวละไม่เกิน 3 คน และต้องบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย คือ เป็นลูกแท้ๆ ของคุณแม่  ไม่รวมถึงบุตรบุญธรรมหรือบุตรซึ่งได้ยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของคนอื่น

เอกสารและรายละเอียดเพิ่มเติม ดูได้ที่ สำนักงานประกันสังคม 

นี่แหละค่ะ รวมมิตร สิทธิประโยชน์ของคุณแม่ผู้ประกันตนที่ควรทราบและควรไปใช้สิทธิอย่าให้ตกหล่นนะคะ สิทธิของเราต้องใช้ ปัจจุบันยังคงมีสิทธิตามนี้อยู่ และก็มีหลายๆเรื่องที่กำลังอยู่ในระหว่างพิจารณาปรับอย่างเช่น ในเรื่องระยะเวลาการลาคลอด กำลังมีการยื่นเสนอให้มีการขยายระยะเวลาให้นานมากกว่า 90 วัน

เพราะในต่างประเทศโดยส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากๆ  รวมถึงเรื่อการให้มีการกำหนดให้คุณพ่อลาหยุดเพื่อดูแลภรรยาที่คลอดบุตรได้เช่นกัน ซึ่งถ้ามีความคืบหน้าหรือการเปลี่ยนแปลงอย่างไร Parents One จะรายงานความคืบหน้าทันทีค่ะ

บทความร่วมกับเพจ โอ้…มายลูก

Writer Profile : parentsone

  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



7 ประโยชน์ของอาโวคาโด
อาหาร
ป้อนข้าวลูกยังไงให้ทานได้เยอะ?
ข้อมูลทางแพทย์
5 วิธีที่คุณพ่อเล่นกับลูกได้
ชีวิตครอบครัว
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save