fbpx

ส้มหยุดด... หยุดให้น้ำส้มลูกก่อน 1 ขวบ

Writer : Lalimay
: 20 กรกฏาคม 2563

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“ลูกท้องผูกหรอ ให้ดื่มน้ำส้มสิ ดื่มได้!!” คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจจะเคยได้ยินคุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยายที่บ้านบอกไว้ เมื่อเจ้าตัวเล็กอึไม่ออกเป็นเวลาหลายวัน จนทำให้พ่อแม่มือใหม่อย่างเรารู้สึกสับสน และมีหลายครั้งที่เรามักได้ยินข่าวที่เด็กลำไส้ทะลุจากการกินกล้วยและน้ำส้ม เราไปดูกันดีกว่าว่าจริงๆ แล้ว น้ำส้ม จำเป็นกับเด็กทารกจริงรึเปล่า ?

ความเชื่อ : เด็กทารกดื่มแล้วแก้ท้องผูก 

เวลาที่เด็กทารกไม่อึวันเดียวหรือหลายวัน ปู่ย่าตายายรวมไปถึงคุณพ่อคุณแม่หลายๆ คนคงคิดว่าลูกอาจท้องผูก จนต้องหาน้ำส้มมาให้ลูกดื่ม เพราะ “คิดว่า” จะช่วยให้ลูกถ่ายคล่องขึ้น แต่จริงๆ แล้ว เป็นความคิดที่ผิดสุดๆ เลยค่ะ เพราะโดยปกติแล้วเด็กที่กินนมแม่ในช่วง 1-3 เดือนแรก เขาจะอึห่างกันทุก 3 -7 วัน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ ถ้าลูกยังกินนมได้ดี อารมณ์ดี ร่าเริง และน้ำหนักขึ้นตามปกติ

ความจริง : น้ำส้มไม่จำเป็นต่อสุขภาพของเด็กทารก

ส้มเป็นผลไม้รสเปรี้ยวที่มีกรดซิตริก เด็กบางคนอาจแพ้ได้ อีกทั้งในส้มยังมีน้ำตามที่มากเกินความจำเป็น อาจทำให้ลูกเป็นเด็กติดหวานได้ โดยสมาคมกุมารแพทย์สหรัฐบอกว่า น้ำส้มหรือน้ำผลไม้ไม่มีคุณค่าทางสารอาหารที่จำเป็นต่อเด็กทารกอายุต่ำกว่า 1 ปี เพราะในเด็กแรกเกิดจนถึง 6 เดือนควรกินนมเพียงอย่างเดียว ส่วน 6 เดือนขึ้นไป อาหารเสริมอื่นๆ จะมีประโยชน์มากกว่า นอกจากนี้ถ้าเป็นน้ำส้มที่คั้นแบบไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ หรือไม่สะอาดพอก็อาจทำให้น้ำส้มเกิดการปนเปื้อนได้

ทำไมห้ามดื่มน้ำส้มก่อน 1 ขวบ ?

  • น้ำนมแม่มีสารอาหารที่เพียงพออยู่แล้ว สำหรับเด็ก 6 เดือนแรก จึงไม่ควรกินอาหารใดๆ ไม่ว่าจะเป็นกล้วยหรือน้ำส้ม
  • ร่างกายของเด็กยังไม่พร้อม คือระบบทางเดินอาหารของเด็กทารกยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่ และไม่พร้อมย่อยอะไรนอกจากนมแม่ (ในช่วง 6 เดือนแรก) หากให้เด็กกินน้ำส้มก่อนวัยก็มีโอกาสทำให้ลำไส้ทะลุ ซึ่งมีหลายกรณีเช่นกันที่เด็กเสียชีวิตจากอาการลำไส้ทะลุ เพราะที่บ้านให้ดื่มน้ำส้มหรือป้อนกล้วย
  • น้ำส้มไม่มีคุณค่าทางโภชนาการที่มีประโยชน์ต่อเด็กทารก

ปริมาณน้ำส้มที่เด็กแต่ละวัยควรดื่ม

อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าเด็กที่อายุต่ำกว่า 1 ขวบไม่ควรดื่ม แต่ไม่ได้หมายความว่าเด็กที่อายุเกิน 1 ขวบจะดื่มเท่าไหร่ก็ได้นะคะ โดยสมาคมกุมารแพทย์สหรัฐได้มีคำแนะนำในการดื่มน้ำส้ม รวมไปถึงน้ำผลไม้อื่นๆ ในเด็กดังนี้

  • 0-1 ขวบ ไม่ควรดื่ม
  • 1-3 ขวบ ไม่ควรเกิน 120 ml./ วัน
  • 4-6 ขวบ ไม่ควรเกิน 180 ml./ วัน
  • 7-8 ขวบ ไม่ควรเกิน 240 ml./ วัน

แต่อย่างไรก็ตามน้ำส้มหรือน้ำผลไม้ก็ไม่ได้เป็นวายร้ายซะทีเดียว เพราะน้ำส้มก็มีวิตามินและประโยชน์อยู่ในตัว เพียงแต่ต้องดูช่วงอายุ และความสะอาดเป็นหลัก แต่ถ้าจะให้ดีทางสมาคมกุมารแพทย์ก็แนะนำให้กินเป็นผลไม้จริงๆ สำหรับเด็กที่อายุมากกว่า 6 เดือนนะคะ เพราะจะได้รับกากใยมากกว่า

ทั้งนี้ทั้งนั้น หากไปพบคุณหมอประจำตัวน้อง แล้วคุณหมอให้ดื่มได้ก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ เพราะนี่เป็นเพียงภาพโดยรวมเท่านั้น สุขภาพของเด็กแต่ละคนก็มีความแตกต่างกัน

ข้อมูลอ้างอิง

Writer Profile : Lalimay

  • Blog :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



CAR SEAT กับเด็กแต่ละช่วงอายุ
ข้อมูลทางแพทย์
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save