fbpx

ข้อดีข้อเสียของการคลอดแต่ละแบบที่คุณแม่ๆ ต้องรู้

Writer : Jicko
: 21 มกราคม 2564

เมื่อคุณแม่ๆ ตั้งท้องขั้นตอนที่สำคัญนอกจากการบำรุงร่ายกายและสุขภาพให้พร้อมทังแม่และลูกแล้ว การคลอดก็ยังเป็นขั้นตอนหนึ่งที่สำคัญสำหรับคุณแม่ๆ ด้วยค่ะ

และการคลอดก็มีหลายรูปแบบด้วยกัน ซึ่งแต่ละวิธีก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป วันนี้เราจะพาคุณแม่ๆ ไปรู้จักกับสิ่งเหล่านี้พร้อมๆ กันค่ะ เผื่อใครจะวางแผนการคลอดยังไง แบบไหนเหมาะสมจะได้เลือกกันถูกนะคะ

คลอดธรรมชาติ

ข้อดี

  • ฟื้นตัวเร็วกว่า เจ็บแผลหลังคลอดน้อยกว่า
  • เกิดอันตรายน้อยทั้งแม่และเด็ก
  • คุณแม่จะรู้สึกตัวตลอดเวลา ทำให้ปรับเปลี่ยนท่าทางระหว่างการคลอดเพื่อให้รู้สึกสบายที่สุดได้
  • ลูกมีภูมิคุ้มกันที่ดีจากแบคทีเรียชนิดดีในช่องคลอด
  • เสียเลือดน้อยกว่า
  • พร้อมให้นมลูกได้ทันที
  • ค่าใช้จ่ายไม่สูง

ข้อเสีย

  • เนื้อเยื่อบริเวณช่องคลอดเกิดการบาดเจ็บ อาจจะทำให้เกิดความผิดปกติของระบบขับถ่ายในอนาคตได้
  • มีโอกาสคลอดไม่สำเร็จและต้องเปลี่ยนเป็นผ่าคลอด
  • ทารกมีโอกาสบาดเจ็บจากการคลอดได้มากกว่า เช่น ช้ำบริเวณศีรษะ การคลอดติดไหล่
  • คุณแม่จะเจ็บปวดทรมานจากการรอคลอดนานมาก

 

ผ่าคลอด

ข้อดี

  • ไม่ต้องรอเจ็บท้องนาน
  • สามารถกำหนดวันเวลาคลอดได้
  • ลดการยืดหย่อนของเชิงกราน
  • ลดการเจ็บปวดขณะคลอด
  • ได้รับความช่วยเหลือทางการแพทย์รวดเร็วยิ่งขึ้นในกรณีมีปัญหา

ข้อเสีย

  • เสี่ยงภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดใหญ่ บล็อกหลัง ดมยาสลบ
  • มีโอกาสเกิดภาวะมดลูกแตก หรือ รกเกาะต่ำ หรือรกฝังตัวลึกผิดปกติในครรภ์ถัดไป
  • เสี่ยงเกิดการติดเชื้อหลังคลอดได้
  • เกิดผังผืดในช่องท้อง
  • เสียเลือดจากการผ่าตัดมากเกิดไปจนเสียชีวิต
  • ทารกอาจมีปัญหาเรื่องการหายใจหลังคลอดได้
  • ทารกไม่ได้ภูมิคุ้มกันบางตัวที่อยู่ตรงบริเวณช่องคลอด

 

คลอดในน้ำ

ข้อดี

  • น้ำจะช่วยรองรับแรงกระแทก ป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายกับทารกได้
  • เป็นการคลอดที่ พ่อแม่ลูก ได้อยู่ใกล้ชิดกันมากๆ
  • น้ำอุ่นจะช่วยคลายกล้ามเนื้อ ช่องคลอดเปิดได้ง่ายขึ้น
  • เจ็บน้อยกว่าการคลอดแบบอื่น เพราะน้ำจะทำให้แม่ๆ รู้สึกเบาสบาย
  • ระยะเวลาคลอดสั้นลง
  • ฟื้นตัวเร็วกว่าคลอดวิธีธรรมดา
  • น้ำช่วยให้ลูกรู้สึกปลอดภัยเหมือนอยู่ในท้องแม่

ข้อเสีย

  • มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหากน้ำไม่ได้รับการฆ่าเชื้อที่เหมาะสม
  • อุณภูมิของน้ำไม่เหมาะสมอาจจะทำให้เด็กตัวสูงหรือต่ำเกินไป และมีอันตรายตามมา
  • คุณแม่ที่เป็นโรคติดต่อ หรือมีประวัติคลอดยาก หรือคลอดก่อนกำหนด ไม่ควรคลอดด้วยวิธีนี้
  • สายสะดือเด็กสั้นเกินไปทำให้เกิดภาวะสายสะดือฉีกขาดได้

 

ราคาโดยประมาณ

คลอดแบบธรรมชาติ
  • โรงพยาบาลรัฐ : 5,000 – 10,000 บาท
  • โรงพยาบาลเอกชน : 30,000 – 50,000
ผ่าคลอด 
  • โรงพยาบาลรัฐ : 15,000 – 25,000 บาท
  • โรงพยาบาลเอกชน : 60,000 – 100,000 บาท
คลอดในน้ำ
  • 64,000 – 76,000 บาท

 

อย่างไรก็ตามการเลือกวิธีคลอดคุณแม่ๆ ก็ต้องดูความพร้อมทางด้านสุขภาพของตัวเองและลูกก่อนการตัดสินใจนะคะ เพื่อความปลอดภัยของทั้งแม่และลูก ทางที่ดีควรปรึกษาคุณหมอจะดีที่สุดค่ะ ที่สำคัญต้องไม่ลืมดูแลตัวเองให้ดี ทั้งอาหารการกิน สุขภาพทางกาย และสุขภาพทางใจ รับรองได้เลยว่าเด็กๆ คลอดออกมาแข็งแรงสมวัยแน่นอนค่ะ

Writer Profile : Jicko

  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



มีบุตรยาก แก้ไขอย่างไรได้บ้าง
ข้อมูลทางแพทย์
ความกังวลของ (คนกำลังจะเป็น) แม่
เตรียมตัวเป็นแม่
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save