fbpx

เปลี่ยนใจลูกน้อยยังไง ให้รักในการแปรงฟัน

Writer : Jicko
: 2 เมษายน 2562

เมื่อเด็กๆ เริ่มมีฟันขึ้น และสามารถรับประทานอาหารได้หลากหลาย คุณพ่อคุณแม่ก็เริ่มมีความหนักใจ เรื่องฟันผุของเด็กๆ ขึ้นมาบ้างแล้วใช่ไหมคะ ยิ่งของโปรดอย่างลูกอมและขนมขบเคี้ยวยิ่งทำให้ฟันผุ

คุณพ่อคุณแม่อย่างเราๆ ก็พยายามให้เด็กๆ รักษาความสะอาดของช่องปาก อย่างการแปรงฟันหรือการขัดไหมขัดฟัน แต่เด็กๆ นั้นไม่ยอมทำตามเอาซะเลย วันนี้ทาง Parents One จึงได้รวบรวมวิธีที่สามารถนำไปประยุกต์ให้เข้ากับเด็กๆ ที่ไม่ยอมแปรงฟัน เผื่อจะพอมีวิธีไหนสามารถเปลี่ยนใจให้เด็กๆ อยากแปรงฟันกันมาบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ

ควรหัดให้ลูกแปรงฟันเมื่อไหร่ดี

จริงๆ แล้วเรื่องการแปรงฟัน คุณพ่อคุณแม่ยังไม่ต้องไปคาดหวังมากนะคะในระยแรก ในวัย ขวบครึ่ง จนถึง 2 ขวบ เขามักจะชอบเลียนแบบผู้ใหญ่  ช่วงแรกนั้นอาจจะต้องให้เด็กๆ ได้คุ้นเคยกับแปรงสีฟันเสียก่อน ให้เขาลองจับลองเล่นขนแปรงนุ่มๆ น่ารักๆ ดูสักอัน เวลาที่เราแปรงฟัน ก็ลองให้เขาไปป้วนเปี้ยนๆ อยู่ใกล้ๆ พร้อมกับแปรงสีฟันอยู่ในมือ เพื่อให้เขาหัดตาม จนกว่าเขาจะอายุได้ 4 ขวบเป็นอย่างน้อย พอบ้วนน้ำได้ ก็ใช้ยาสีฟันสำหรับเด็กให้เขาหัดแปรงนั้นเองค่ะ

เริ่มใช้แปรงสีฟันได้เมื่อไหร่

เด็กเล็ก ฟันยังไม่ขึ้น
  • หากกินนมแม่ ยังไม่ต้องแปรงฟัน
  • หากกินนมผง+นมแม่ ให้ใช้ผ้าชุบน้ำต้มสุกที่เย็นแล้ว ถูลิ้น เหงือก และกระพุ้งแก้ม เช้า-เย็น
เด็กเล็ก ฟันเริ่มขึ้น
  • ให้ใช้ผ้าชุบน้ำต้มสุกที่เย็นแล้ว ถูกลิ้น เหงือก และกระพุ้งแก้ม เช้า-เย็น
เด็กที่ฟันขึ้นเต็มซี่
  • ให้เริ่มใช้ยาสีฟันเด็กได้แล้ว
  • ให้ใช้ยาสีฟันแค่แตะปลายขนแปรงเท่านั้น
  • ใช้ผ้าเช็ดฟองออกเมื่อแปรงเสร็จแล้ว

วิธีการเลือกแปรงสีฟัน

จะเห็นได้ว่ามีแปรงสีฟันหลากหลายยี่ห้อให้คุณพ่อคุณแม่ได้เลือกกันมากมาย ซึ่งหลักการง่ายๆ ในเลือกแปรงสีฟันให้กับลูกนั้นก็คือ แปรงไนล่อนขนนุ่ม หน้าตัดขนแปรงเรียบ ด้ามจับถนัดมือ และมีขนาดที่เหมาะสมกับปากของลูกน้อยนั้นเองค่ะ

โดยมีหลักการดังนี้

  • เลือกขนาดแปรงสีฟันเด็ก ตามช่วงอายุของเด็กที่ระบุบนฉลาก
  • เลือกแปรงสีฟันที่มีขนนุ่ม และปลายขนแปรงไม่มีความคม
  • ควรเปลี่ยนแปรงสีฟันเมื่อขนแปรงบาน หรือทุกๆ 3 เดือน

เด็กควรใช้ยาสีฟันมากน้อยแค่ไหน

เด็กๆ ควรใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์เพื่อป้องกันฟันผุ โดย

  • เด็กอายุ 0-3 ปี : ให้คุณพ่อคุณแม่บีบยาสีฟันแค่แตะแปรงพอชื้น
  • เด็กอายุ 3-6 ปี : ให้คุณพ่อคุรแม่บีบยาสีฟันขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียว
  • เด็กอายุ 6 ปีขึ้นไป : ให้คุณพ่อคุณแม่บีบยาสีฟันตามความยาวของแปรง

แต่ยังไงคุณพ่อคุณแม่ก็ควรคอยดูอยู่ใกล้ๆ อย่าเผลอให้ลูกกินหรือกลืนยาสีฟันขณะแปรงฟันด้วยนะคะ

 

วิธีแปรงฟันน้ำนมให้ลูกน้อย

  • การแปรงฟันให้ลูกหรือเด็กเล็ก ต้องแปรงในแนวนอนสั้นๆ
  • ทำซ้ำเดิมในแนวนอนประมาณ 20 ครั้ง
  • แปรงแบบแนวนอนจนอายุ 11 ขวบ
  • หากเด็กอายุมากกว่า 11 ขวบแล้ว ให้ใช้วิธีการขยับปัดค่ะ

 

ท่าทำความสะอาดช่องปากสำหรับลูกน้อย

  • ขาทับแขน : เหมาะสำหรับเด็ก อายุ 11 เดือนขึ้นไป

วิธีก็คือ 

1.จับลูกไว้ที่ระหว่างขาทั้งสองข้าง

2.ใช้ขาทั้งสองข้าง พาดวางทับแขนทั้งสองข้างของลูกไว้ โดยไม่วางขาลงไปเต็มแรง แค่พาดไว้ไม่ให้เด็กๆ เอามือมาปัดขณะแปรงฟันนั้นเองค่ะ

3.ไขว้ขาทั้ง 2 ข้างล็อคตัวลูกไว้

  • ดักแด้ตัวน้อย : เหมาะสำหรับเด็กที่ดิ้นมากๆ อายุ 8 เดือนขึ้นไป

วิธีก็คือ

1.ใช้ผ้าขนหนูห่อตัวลูก และพยายามให้แขนลูกแนบตัวเราให้ได้มากที่สุด

2.วางลูกไว้ระหว่างขา โดยให้หัวมาทางเราและใช้ผ้าขนหนูรองหัวลูกไว้

3.ขาทั้งสองข้างเหยียดให้แนบตัวลูก หากเขาดิ้นมากๆ ให้ใช้ขาข้างที่ถนัดล็อคตัวลูกไว้ค่ะ

  • ชิงช้าคุณแม่ : เหมาะสำหรับเด็กไม่ยอมรับการแปรงฟันระดับหนึ่ง

วิธีนี้จะเหมาะสำหรับเด็กโต ที่พอจะคุยรู้เรื่องกันแล้ว 

1.นั่งบนเก้าอี้โดยห้องขาให้ไขว้กัน

2.ให้ลูกมานั่งบนช่องว่างของขาที่เราไขว้กัน เห็นได้ว่าลูกจะเท้าแขนที่ต้นขาเราได้พอดีนั้นเอง

3.ให้ลูกเอนตัวพิงเราไว้และให้เงยหน้า และประคองหัวลูกไว้

  • เงยหน้าอ้าปาก : เหมาะสำหรับเด็กโตที่แปรงฟันเองได้แล้ว แต่ยังแปรงไม่สะอาด

วิธีก็คือ

1.ยืนซ้อนด้านหลังลูก

2.ใช้มือซ้างจับคางลูกไว้เพื่อให้อยู่นิ่งๆ และเงยหน้าลูกเล็กน้อย

เคล็ดลับง่ายๆ ที่จะช่วยให้หนูน้อยยอมแปรงฟัน 

  • ให้ลูกมีส่วนร่วมกับการแปรงฟัน
  • จับมือลูกแล้วบังคับแปรงฟัน
  • แปรงฟันไปด้วยกันกับลูก
  • แปรงฟันในระยะเวลาที่สั้นและรวดเร็ว

  • ชมเชยหรือให้รางวัลเมื่อเขาทำได้
  • ร้องเพลงหรือเล่านิทานเกี่ยวกับการแปรงฟันพร้อมกับให้เขาแปรงฟันไปด้วย
  • หากลูกงอแงไม่ยอม ควรเปลี่ยนเวลาให้เขาอารมณ์ดีก่อน ไม่ควรเร่งเร้า
  • หากลูกยอมแปรงฟันแล้ว ให้เพิ่มเวลาแปรงฟันให้นานขึ้นอีก

 

อย่างไรก็ตามคุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ต้องกังวลใจไปนะคะ ช่วงแรกเด็กๆ ก็อาจจะงอแงไปยอมแปรงฟันไปบ้าง ก็ต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปนะคะ หาวิธีสนุกๆ ให้เขาคุ้นเคยกับการแปรงฟัน ยังไงคุณพ่อคุณแม่ก็ลองเลือกและลองปรับให้เข้ากับเด็กๆ ของคุณพ่อคุณแม่กันดูนะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : Curaprox, konthong, mamaexpert, Colgate

Writer Profile : Jicko

  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save