fbpx

วิธีแก้อาการปวดเต้านมที่คุณแม่ควรรู้

Writer : giftoun
: 29 สิงหาคม 2561

อาการปวดเต้านมถือได้ว่าเป็นปัญหาของคุณแม่หลายคนมากเลยทีเดียว จะมีวิธีแก้อาการปวดเต้านมใดบ้างนั้น มาดูแต่ละข้อกันเลยค่ะ

ให้ลูกดูดนมบ่อยขึ้น

คุณแม่ควรให้ลูกดูดนมบ่อยครั้งขึ้น โดยประมาณแล้วควรทำในทุก ๆ 2 ชั่วโมง เพื่อเป็นการระบายน้ำนมออกจากเต้า และเป็นการกระตุ้นให้มีการผลิตน้ำนมเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย โดยเฉพาะในตอนกลางคืน ก็ควรปลุกลูกขึ้นมาดูดนมเช่นกันค่ะ

ปั๊มนมเก็บไว้บ้าง

แต่สำหรับคุณแม่คนไหนที่ลูกไม่ยอมดูดนม หรือเกิดอาการปวดเต้านม หรือเต้านมคัดอย่างรุนแรง แนะนำให้ปั๊มนมใส่ภาชนะเก็บไว้ในตู้เย็น ซึ่งนอกจากจะลดอาการคัดเต้านมได้แล้ว ก็ยังสามารถเก็บน้ำนมไว้ให้ลูกดื่มต่อไปได้อีกด้วยค่ะ

บีบน้ำนมออกบ้าง

เมื่อเกิดอาการคัดเต้านม คุณแม่ควรบีบน้ำนมออกจากเต้าเพื่อให้ลูกดูดนมง่ายมากขึ้น โดยให้บีบจนลานหัวนมนุ่มลง ซึ่งก็จะทำให้อาการปวดคัดค่อยๆ ทุเลา และยังช่วยให้ลูกดูดนมได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย ที่สำคัญควรบีบนมออกจากเต้าบ่อยๆ เพื่อไม่ให้เกิดอาการคัดขึ้นมาอีกนั่นเองค่ะ

ใช้ผ้าขนหนูอุ่นประคบ

เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยแก้อาการเต้านมคัดได้เป็นอย่างดี ให้ทำก่อนจะให้ลูกดูดนม โดยให้นำผ้าขนหนูอุ่นๆ ผืนใหญ่มาประคบให้รอบเต้านมทั้งสองข้าง ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที จะทำให้อาการปวดทุเลาลง และลานนมนุ่มขึ้น แถมยังช่วยให้ลูกสามารถดูดนมได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมอีกค่ะ

ประคบเย็น

การประคบเย็นนั้นเป็นการประคบด้วยน้ำแข็งหรือผ้าที่ชุบน้ำเย็นบิดหมาดๆ โดยให้ประคบหลังจากที่ให้ลูกดูดมเสร็จแล้ว ซึ่งก็จะช่วยให้อาการของคุณแม่นั้นปวดทุเลาลงได้ดีทีเดียว ทั้งนี้ให้ระวังอย่าประคบโดนหัวนมเพราะอาจทำให้หัวนมแตกและเจ็บได้ค่ะ

ใส่เสื้อชั้นในที่เหมาะสม

การใส่เสื้อชั้นที่เหมาะสมกับสภาพเต้านม เพื่อพยุงเต้านมเอาไว้ ถือเป็นเทคนิคที่ดีอย่างหนึ่งในการรับมือกับอาการเต้านมคัดค่ะ

ปรึกษาแพทย์

กรณีที่มีอาการเต้านมคัดบ่อยๆ ถึงแม้จะบีบน้ำนมออกไปบ้างแล้วก็ยังคงคัดตึงและมีอาการปวดมาก แนะนำให้ไปปรึกษาแพทย์โดยตรงค่ะ ซึ่งแพทย์จะให้คำแนะนำที่ดีและเหมาะสมที่สุด โดยควรทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดด้วยนะคะ

ทั้งหมดนี้เป็นการแก้อาการคัดนมเบื้องต้น ซึ่งคุณแม่สามารถระวังไม่ให้เกิดอาการคัดนมได้ด้วยการให้ลูกดูดนมอยู่เสมอ และหมั่นปั๊มนมเก็บในตู้เย็นเป็นประจำนั่นเองค่ะ

ที่มา

Writer Profile : giftoun


  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



เตรียมตัวเป็นแม่ เตรียมตัวเป็นแม่
14 สิงหาคม 2561
20 คำที่ไม่ควรพูดกับลูก
กิจกรรมของครอบครัว
7 อาหารเสี่ยงท้องเสียสำหรับคุณเเม่
เตรียมตัวเป็นแม่
7วิธีลดน้ำหนักสำหรับคุณแม่หลังคลอด
เตรียมตัวเป็นแม่
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save