แม้ว่าคุณแม่ส่วนใหญ่ตั้งใจที่จะคลอดธรรมชาติ แต่อาจจะมีเหตุการณ์ที่ทำให้จำเป็นจะต้องผ่าตัดคลอด ถึงแม้ได้ยินกันมาบ่อยว่าเด็กผ่าคลอดจะมีพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันแตกต่างจากเด็กคลอดธรรมชาติ แต่เมื่อเลี่ยงไม่ได้ แม่ๆก็ต้องหาวิธีรับมือ
คุณแม่หลายท่านที่เป็นกังวลเรื่องพัฒนาการทางสมอง และสุขภาพของลูกน้อย เพราะกลัวว่าลูกจะมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ หรือมีโอกาสเจ็บป่วยได้ง่าย
วันนี้ Parents One เลยมาไขข้อสงสัย? ว่าเด็กผ่าคลอดจะมีพัฒนาการสมองที่แตกต่างจากเด็กที่คลอดธรรมชาติจริงหรือ! มาดูกันว่าที่จริงแล้วการผ่าคลอดนั้น ส่งผลต่อพัฒนาการของเด็กมากน้อยเพียงใดกันค่ะ
ทำไมเด็กผ่าคลอดถึงป่วยง่ายกว่าเด็กที่คลอดธรรมชาติกันนะ?
เด็กที่ถูกผ่าคลอดออกมามักจะมีปัญหาด้านสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ เพราะว่าได้รับโพรไบโอติก หรือจุลินทรีย์สุขภาพ เช่น บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ซึ่งอาศัยอยู่บริเวณช่องคลอดของแม่ น้อยกว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาตินั่นเองค่ะ
การผ่าคลอดนั้น เด็กจะถูกนำตัวออกมาผ่านหน้าท้องของคุณแม่ ทำให้ไม่ได้รับจุลินทรีย์สุขภาพผ่านทางช่องคลอดของคุณแม่ หรือได้รับน้อยมาก ส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิต้านทานตั้งต้นที่ช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ จึงมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ โรคหอบหืดได้ง่าย และเจ็บป่วยบ่อยกว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ
ซึ่ง “โพรไบโอติก B. lactis” เป็นจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์มากๆ และพบได้ในน้ำนมแม่ เพราะช่วยเสริมสร้างระบบต่างๆ ในร่างกายของเด็กแรกเกิดให้แข็งแรงมากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้น ระบบทางเดินอาหารและระบบลำไส้ ซึ่งอวัยวะของวัยเด็กพวกนี้จำเป็นจะต้องได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างให้ระบบต่าง ๆ ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพนั่นเองค่ะ
การผ่าคลอดกับพัฒนาการด้านสมองของลูกน้อย
จากงานวิจัย พบว่า เด็กผ่าคลอดมีโอกาสที่พัฒนาการทางสมอง และการเรียนรู้แตกต่างจากเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ
เนื่องจากสมองส่วนที่เชื่อมโยงการทำงานระหว่างเซลล์ประสาทสมองซีกซ้าย และสมองซีกขวาของเด็กผ่าคลอดมีการสร้างไมอีลีนในสมองน้อยกว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ ตั้งแต่อายุ 3 เดือน จนถึง 3 ปีค่ะ ซึ่งไมอีลินที่ว่านี้จะช่วยในการส่งสัญญาณแบบก้าวกระโดดให้เด็กคิดเร็ว เรียนรู้ไว
ดังนั้น คุณแม่ควรเตรียมความพร้อมของลูก เพื่อให้ลูกมีพัฒนาการทางสมองและภูมิต้านทานที่ดี โดยเริ่มจากการให้ลูกดื่มนมแม่ที่เต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ส่งเสริมการเรียนรู้ ด้วยการเล่นกับลูก เพื่อให้เจ้าตัวเล็กมีพัฒนาการเต็มศักยภาพตามช่วงวัยได้ดีนั่นเองค่ะ
เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีทั้งสมอง และภูมิคุ้มกันดีที่ดีขึ้น
รู้หรือไม่? ว่าในน้ำนมแม่มีสารอาหารหลากหลายที่มีประโยชน์ต่อลูกน้อยตั้งแต่แรกเกิด เช่น สฟิงโกไมอีลิน ที่ช่วยให้สมองของลูกน้อยพัฒนาได้ดียิ่งขึ้น และมีโพรไบโอติก บี แล็กทิส (B. lactis) ซึ่งช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน และดูแลสุขภาพทางเดินอาหาร
อย่างที่แม่ๆจะรู้กันว่า 1,000 วันแรกถือเป็นช่วงเวลาทอง เป็นเวลาสำคัญในการพัฒนาสมองของลูกน้อย ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถเตรียมความพร้อมให้ลูกน้อยได้ด้วย “นมแม่” ซึ่งนมแม่มีสารอาหารที่หลากหลายอีกที่งยังเป็นโภชนาการแรกที่เด็กควรได้รับตั้งแต่แรกเกิด เป็นแหล่งรวมสารอาหารที่ครบถ้วนในการพัฒนาสมองและร่างกาย
โดยในนมแม่นั้นจะมี “สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมอง ให้คิดเร็ว เรียนรู้ไว รวมทั้งยังมี จุลินทรีย์สุภาพ เช่น กลุ่มบิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (Bifidobacterium lactis หรือ B. lactis) ที่สามารถส่งต่อให้ลูกน้อย เพื่อสร้างภูมิต้านทานตั้งต้นได้อีกด้วย
เพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทให้เด็กผ่าคลอดด้วย “สฟิงโกไมอีลิน“
การพัฒนาของสมองของเด็กแรกเกิดเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ช่วงที่อยู่ในครรภ์คุณแม่ไปจนถึง 2 ปีแรก ซึ่งการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพของสมอง ต้องอาศัยการเชื่อมต่อสัญญาณประสาทที่มีความรวดเร็ว เปรียบเสมือนการสร้างทางด่วนให้กับสมอง
ซึ่งสฟิงโกไมอีลิน เป็นหนึ่งในสารอาหารสำคัญในการสร้างไมอีลินในสมอง โดยไมอีลิน คือ ปลอกหุ้มเซลล์ประสาท ดังนั้น เซลล์ประสาทที่มีปลอกไมอีลินห่อหุ้มจะส่งสัญญาณประสาทได้เร็วกว่าเซลล์ประสาทที่ไม่มีปลอกไมอีลินถึง 60 เท่า
ดังนั้น การส่งเสริมพัฒนาสมองของลูกน้อย คุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้โดยการให้ลูกได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน เช่น น้ำนมแม่ ที่มีสารอาหารหลากหลาย ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน” เป็นหนึ่งในสารอาหารสำคัญ ในการสร้างปลอกไมอีลินของวงจรประสาทในสมอง ช่วยให้สมองสามารถส่งสัญญาณประสาทได้อย่างรวดเร็วแบบก้าว กระโดด ส่งเสริมการทำงานเชื่อมโยงของเซลล์ประสาท (Brain connectivity)
ซึ่งกระบวนการการสร้างไมอีลินจะเริ่มต้นตั้งแต่อยู่ในครรภ์คุณแม่ และยังคงมีการสร้างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะ 1,000 วันแรกของลูกที่เป็นช่วงเวลาทองในการพัฒนาสมองของลูกน้อยให้เกิดการเรียนรู้ที่ดียิ่งขึ้น
โพรไบโอติก B. lactis จุลินทรีย์สุขภาพ ตัวช่วยเสริมภูมิคุ้มกันสุขภาพลูกน้อยให้ดียิ่งขึ้น
จุลินทรีย์สุขภาพบิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (Bifidobacterium lactis or B. lactis) หรือโพรไบโอติก B. lactis เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น และมีประโยชน์ต่อระบบทางเดินอาหาร ส่วนใหญ่พบที่ช่องคลอดของคุณแม่ และในน้ำนมแม่ ซึ่งเด็กผ่าคลอดจะไม่ได้รับจุลินทรีย์สุขภาพจากช่องคลอดของคุณแม่เหมือนกับเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ แต่จะรับทางผิวหนังแทน จึงส่งผลต่อภูมิคุ้มกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอด คือ มีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ เจ็บป่วยบ่อย โรคหอบหืด และโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง ฯลฯ สูงกว่าเด็กคลอดธรรมชาตินั่นเอง
แต่คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องเป็นกังวลไปค่ะ เพราะเราสามารถเสริมให้ลูกได้ด้วย การดื่ม “นมแม่” ซึ่งมีสารอาหารหลากหลาย ทำให้เด็กผ่าคลอดมีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้นมาได้อีกครั้งนั่นเองค่ะ
คุณพ่อคุณแม่หลายคนที่ยังกังวล ในเรื่องพัฒนาการทางสมองและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอด แต่แท้จริงแล้ว คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องกังวลเลยเพราะ เราสามารถเสริมสร้างพัฒนาการของสมอง และเพิ่มภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดได้ด้วยนมแม่
เอกสารอ้างอิง
1. ผ่าตัดคลอด VS คลอดปกติ | Bangkok Hospital
2. Deoni SC,et al. AJNR Am J Neuroradiol. 2019
3. Neu J, et al. Clin Perinatol. 2011.