“ความปรารถนาสูงสุดของผม/หนู ก็คือ ขอให้ได้กลับไปอยู่กับครอบครัว และได้วิ่งเล่นกับเพื่อนๆ อีกครั้ง”
ประโยคเหล่านี้ คือ ใจความสำคัญของเด็กที่เป็นโรคร้ายแรง และรักษาได้ยากที่ต้องการจะบอกกับพวกเรา โรงพยาบาลเด็กสมิติเวชมากที่สุด ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกับการที่จะรักษาเด็กที่ป่วยเป็นโรค หรือประสบอุบัติเหตุร้ายแรง รักษาให้หายขาดได้ง่ายให้สามารถกลับมามีชีวิตที่สดใสอีกครั้ง
โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวทางร่างกาย เช่น ภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง จะทำให้เด็กไม่สามารถทำสิ่งต่างๆ ที่พวกเขาปรารถนาได้ด้วยตัวเอง แม้เเต่ขยับร่างกายยังทำได้ยาก เด็กอาจจะรู้สึกท้อแท้ในชีวิตและหมดกำลังใจในการรักษาเมื่อเป็นโรคประเภทนี้ แต่ถ้าหากเรามีเครื่องมือการรักษาที่ดีทำให้เด็กๆ ไม่ต้องเจ็บและทรมานมาก และสามารถช่วยให้หายเร็วได้มากขึ้นกว่าเดิมล่ะ เด็กๆ จะยอมใจสู้ทำการรักษาโรคพวกนี้ให้หายขาดด้วยหรือไม่ ถ้าหากมันทำให้พวกเขาได้กลับไปอยู่กับครอบครัวที่รัก และกลับมาวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ ได้อีกครั้ง
วันนี้ Parents One จึงอยากมารีวิว Robotic สุดยอดหุ่นยนต์กายภาพอัจฉริยะ ฟื้นฟูกล้ามเนื้อ สมอง และร่างกายให้เด็กๆ หลังผ่าตัดและอุบัติเหตุ ที่รพ.เด็กสมิติเวช จะเป็นอย่างไร ดีสำหรับเด็กแค่ไหน ไปชมกันเลยค่ะ
![](https://www.parentsone.com/wp-content/uploads/2018/09/11_samitivej_Robort.jpg)
ทำความรู้จัก “หุ่นยนต์ Robotic” สุดยอดหุ่นยนต์กายภาพอัจฉริยะ
หุ่นยนต์ Robotic หรือเรียกได้อีกชื่อหนึ่งว่า Robotic – Assisted Walking Therapy for Children เป็นหุ่นยนต์ที่สามารถช่วยฝึกเด็กที่มีปัญหาด้านกล้ามเนื้อขาให้เดินเองได้ ซึ่งได้รับการพัฒนาล่าสุดมาจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์
เป็นเครื่องมือที่ช่วยฝึกพัฒนาการทางด้านการใช้กล้ามเนื้อต่างๆ ในรูปแบบของการเดิน ทั้งผู้ป่วยเด็กที่เป็นโรคเกี่ยวกับกล้ามเนื้ออ่อนล้า และเด็กที่ประสบอุบัติเหตุต่างๆ ทำให้ไม่สามารถที่จะเดินได้ด้วยตัวเอง ซึ่งในอดีต การฝึกเหล่านี้ค่อนข้างยาก เพราะตัวเด็กไม่สามารถลงน้ำหนัก แล้วฝึกหัดเดินได้ด้วยตัวเอง เด็กจะเกิดอาการกลัวเจ็บ กังวล และเกร็ง ทำให้เด็กไม่กล้าที่จะลองเดินด้วยตัวเอง ยิ่งทำให้การรักษาเป็นไปด้วยความลำบากมากขึ้น
ความพิเศษของ Robotic ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อร่างกายและจิตใจของเด็กๆ
การที่หุ่นยนต์ Robotic กลายมาเป็นนักกายภาพบำบัดให้เด็กนั้น จะช่วยทำให้ลดแรงลงน้ำหนักการเดินของเด็กลงได้ เด็กจึงสามารถลงน้ำหนักที่กล้ามเนื้อขาได้เพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกัน เด็กบางคนที่ไม่สามารถที่จะควบคุมกล้ามเนื้อตรงสะโพกได้ หุ่นยนต์ Robotic จะเป็นตัวช่วยกำหนดแนวทางการเดินที่ถูกต้องให้เด็กกล้าก้าวขา งอขา ได้เพิ่มมากขึ้น
ในการศึกษาระยะเวลาการฝึกเดินของเด็กอย่างน้อยแต่ละคนใช้เวลาในการฝึกเดิน 8-12 ครั้ง โดยเด็กแต่ละคนจะฝึกประมาณ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ฝึกครั้งละ 30 นาทีต่อเซ็ต เพื่อให้เกิดรูปแบบในการใช้กล้ามเนื้อ รวมทั้งกระตุ้นข้อต่อต่างๆ ของกล้ามเนื้อในการเดิน ท้ายที่สุดเพื่อให้เด็กนำรูปแบบในการฝึกเดินด้วยหุ่นยนต์ไปใช้ฝึกเดินเองที่บ้านได้ในเวลาเพียงไม่กี่วัน ซึ่งสามรถฟื้นฟูกล้ามเนื้อของผู้ป่วยเด็กได้เร็วกว่าการฝึกเดินแบบธรรมดานั่นเอง
“การฝึกเดินด้วยหุ่นยนต์กายภาพ ทำให้เด็กไม่คิดว่าเขากำลังทำกายภาพบำบัดอยู่”
นอกจากนี้ หุ่นยนต์ Robotic ยังมีเกมมากมายที่ฉายขึ้นหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้เด็กไว้เล่นควบคู่กับทำกายภาพบำบัดการเดินไปด้วย เกมจะช่วยให้เด็กรู้สึกดึงดูดความสนใจของเด็กให้อยากออกกำลังเพิ่มมากขึ้น โดยที่ไม่ไปโฟกัสที่การบำบัดมากเกินไป เด็กจะผ่อนคลายความเกร็งได้เยอะขึ้น และทำให้มีจังหวะการเดินที่ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ไม่ให้เด็กรู้สึกเบื่อหน่ายกับการทำกายภาพบำบัดไปเสียก่อน
หุ่นยนต์ Robotic เครื่องนี้มีความสามารถพิเศษมากมาย ที่นอกจากจะมีหน้าที่หลัก คือ ช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพของกล้ามเนื้อร่างกายในผู้ป่วยเด็กที่มีภาวะกล้ามเนื้อขาอ่อนแรง ซึ่งอาจเกิดจากความผิดปกติของระบบสมอง ไขสันหลัง กระดูกและกล้ามเนื้อ เนื่องจากโรคหลอดเลือดสมอง การบาดเจ็บที่สมองและไขสันหลัง รวมถึงผลกระทบจากอุบัติเหตุร้ายแรงต่างๆ แล้ว ยังมีความสามารถพิเศษอีกอย่างหนึ่ง คือ การช่วยฟื้นฟูจิตใจของเด็กๆ ให้มีกำลังใจในการต่อสู้กับโรคร้ายต่างๆ อีกด้วย
แปลงร่างเป็น Robotic Assisted walking
หุ่นยนต์กายภาพอัจฉริยะ ประกอบด้วย
- ตัวหุ่นยนต์ฝึกเดิน
- ระบบพยุงน้ำหนักตัวที่ทันสมัย
- ลู่หัดเดิน
- และระบบจอคอมพิวเตอร์อัจฉริยะที่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ป่วยเด็ก ทำให้ฝึกเดินได้โดยไม่เบื่อหน่าย แจ้งค่าผลลัพธ์ของการฝึกเดินที่มีการพัฒนาขึ้นในแต่ละครั้งของการฝึก
ระบบจอคอมพิวเตอร์ในหุ่นยนต์อัจฉริยะสามารถกำหนดโปรแกรมการหัดเดินที่สอดคล้องกับโรคและความต้องการของผู้ป่วย สามารถกำหนดมิติของการพยุงการเดินได้ในระดับต่างๆ ของขาแต่ละข้าง มีระบบสะท้อนผลของการฝึกเดิน แบบ real time รวมทั้งสามารถสร้างภาพเสมือนจริงบนจอภาพเพื่อกระตุ้นให้ผู้ป่วยมีความสนุกและอารมณ์ร่วมในการฝึกเดินอีกด้วย
“โรคที่ผู้ป่วยเด็กเหมาะสม” ในการรักษาด้วยหุ่นยนต์ Robotic
- ผู้ป่วยเด็กที่มีภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง อาทิ อาการอัมพฤกษ์ อัมพาต จากโรคหลอดเลือดสมอง การบาดเจ็บของสมอง ไขสันหลัง และผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบทางระบบประสาทจากอุบัติเหตุ
- ผู้ป่วยเด็กที่เกิดการติดเชื้อต่างๆ
- ผู้ป่วยเด็กหลังผ่าตัด
- ผู้ป่วยเด็กที่มีภาวะของระบบประสาทผิดปกติ อื่นๆ เช่น โรคพาร์กินสัน สมองฝ่อ สมองพิการ
หุ่นยนต์ Robotic เหมาะสำหรับใครบ้าง?
หุ่นยนต์ Robotic เหมาะสำหรับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป ใช้ได้ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ แต่จำกัดน้ำหนักที่ไม่เกิน 135 กิโลกรัม
ย่นเวลาในการรักษาได้เยอะกว่าวิธีทำกายภาพแบบเดิมๆ
การฝึกเดินด้วยหุ่นยนต์มุ่งเน้นการใช้กล้ามเนื้ออย่างจริงจังและสม่ำเสมอ ทำให้การหัดเดินของผู้ป่วยเด็กเป็นไปอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลต่อการกระตุ้นระบบประสาทสัมผัส อันเป็นบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อเทียบกับการทำกายภาพบำบัดแบบเดิม
รพ.เด็กสมิติเวช มีเครื่องมือกายภาพบำบัดครบครันมากมาย
- ธาราบำบัด (Aquatic therapy)
นอกจากจะมีหุ่นยนต์ที่ช่วยฝึกเดินของเด็กและผู้ใหญ่แล้ว ที่โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช ศรีนครินทร์ ยังมีการรักษาด้วยธาราบำบัด (Aquatic therapy) ซึ่งเป็นการฝึกออกกำลังกายในน้ำให้กับผู้ป่วยเด็กที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหวของร่างกาย ซึ่งเกิดจากระบบประสาทและกล้ามเนื้อจากโรคและอุบัติเหตุ
สระธาราบำบัด ดูแลด้วยระบบ เกลือ Salt-Chlorinator ที่ไม่ระคายเคืองต่อผิวหนังและดวงตาของเด็ก ลดอาการปวด ลดการอักเสบของกล้ามเนื้อ ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลาย พร้อมทั้งมีนักกายภาพบำบัดผู้เชี่ยวชาญมาช่วยฝึกออกกำลังกาย
- Redcord suspension exercise system for Children
ส่วนต่อไปเป็นห้อง Redcord เป็นการกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อด้วยวิธีการแขวนและพยุงไว้บนจุดตรึง ใช้ฟื้นฟูการทำงานร่วมกันของสมอง เส้นประสาท และกล้ามเนื้อ ในผู้ป่วยเด็กให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น
- ห้องออกกำลังกาย (Exercise room)
มีเครื่องออกกำลังกายบำบัดมากมายหลายรูปแบบ ใช้รักษาโรคตามความเหมาะสมของผู้ป่วยเด็กได้ทุกโรคแน่นอนค่ะ
ทำไมต้องพาลูกมารักษาโรคที่โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช ?
โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช ศรีนครินทร์ เป็นผู้นำในบริการด้านกุมารเวชศาสตร์ของประเทศไทย ซึ่งได้ทำการรักษา ทารก เด็กเล็ก และเยาวชนในระดับเทียบเท่ากับการให้บริการแก่ผู้ใหญ่ โดยมีคุณหมอมากกว่า 150 ท่าน ซึ่งเชี่ยวชาญทางด้านการรักษาโรคเด็กโดยเฉพาะมารวมตัวกันในที่โรงพยาบาลแห่งนี้ รวมทั้งมีเครื่องมือเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมาประยุกต์ใช้กับการรักษาโรคยาก พร้อมบริการที่ประทับใจ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงไม่ต้องกังวลว่าลูกจะเป็นโรคร้ายแรงเกินรักษา เพราะโรงพยาบาลเด็กสมิติเวชของเราได้รักษาผู้ป่วยเด็กวิกฤตกว่า 1,000 คน ให้ได้กลับบ้านอย่างปลอดภัยค่ะ
“ลูกมีความสุข คุณพ่อคูณแม่มีความสุขสุขกว่าหลายร้อยเท่า”
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
- โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช
- Facebook : โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช