fbpx

สอนลูกให้รู้จักกับการเลือกตั้ง การเมืองของผู้ใหญ่ที่เด็กก็รู้ได้

Writer : Mneeose
: 21 มีนาคม 2562

“แม่ครับ ป้ายที่ติดอยู่ตรงตรงนั้น คือป้ายอะไรหรอครับ ทำไมมันถึงใหญ่จัง?”

เด็ก 5 ขวบที่กำลังอยู่ในวัยอนุบาลได้เอ่ยถามคุณแม่ของเขาขึ้น ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยค่ะที่ลูกในวัยนี้จะช่างซักถามและสังเกตสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัว รวมทั้งความเปลี่ยนแปลงต่างๆ เพราะมันคือ พัฒนาการอย่างหนึ่งที่เด็กวัยนี้สมควรจะมี คุณพ่อคุณแม่หลายๆ ท่านจึงเป็นกังวลว่า หากลูกถามการเมืองหรือคุยการเมืองในครอบครัว เราควรที่จะสอนลูกให้เรียนรู้เรื่องนี้อย่างไรดี? Parents One มีคำตอบของปัญหาเรื่องนี้ให้แล้วค่ะ ไปอ่านกันเลย

1. สอนให้ลูกรู้ว่า “การเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนในประเทศ”

ควรสอนให้ลูกมีความเข้าใจง่ายๆ ไม่ซับซ้อน เกี่ยวกับการเลือกตั้ง เช่น อธิบายให้ลูกเข้าใจถึงคำว่า “หน้าที่ของพลเมืองไทย” ที่คนไทยทุกคนต้องทำ เพราะมันเป็นสิ่งที่ถูกและควรในการปฏิบัติ ซึ่งนั่นก็คือ การไปลงคะแนนเสียงเสียงเลือกตั้งผู้นำ และบอกลูกไปว่า เมื่อลูกโตขึ้น และมีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ ลูกก็จะมีสิทธิ์ในการเลือกตั้งเช่นเดียวกัน

ที่สำคัญ การทำหน้าที่ไม่ใช่แค่เข้าคูหากากบาทแล้วก็เสร็จ แต่ควรให้ความสำคัญกับการกากบาทว่ามีคุณค่า เพราะเราทุกคนมีส่วนต่อการร่วมกำหนดผู้ที่จะเข้าไปบริหารบ้านเมืองให้เจริญ จึงต้องให้ความสำคัญและคิดให้รอบคอบดีเสียก่อน

 

2. การเมืองไม่ได้น่ากลัว ชวนลูกคุยเรื่องการเมืองบ้างก็ได้

สอนให้ลูกรู้ว่าประชาธิปไตยมีความหมายว่าอย่างไร และมีความสำคัญต่อพลเมืองอย่างเราอย่างไร โดยการอธิบายหลักๆว่า “การเลือกตั้ง คืออะไร?” ให้ลูกได้เข้าใจอย่างชัดเจน ซึ่งการเลือกตั้ง ก็คือ การเลือกผู้นำมาบริหารประเทศชาติให้เป็นไปในทางที่ดีขึ้นในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นการคมนาคม ขนส่งสาธารณะ การค้าขาย เศรษฐกิจ และอีกหลายเรื่องมากมาย ถือเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเรามากๆ เราจึงต้องให้ความสำคัญกับการเลือกตั้ง เช่น นโยบายการศึกษา ซึ่งทุกๆ ด้านจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อลูกเมื่อโตขึ้น หากเราเลือกผู้นำดี ประเทศก็จะเจริญ ลูกก็จะไม่เดือดร้อน ดังน้ั้น จึงต้องมีการจำกัดอายุของผู้ที่จะเข้าไปเลือกตั้งได้ยังไงล่ะคะ

 

3. สอนลูกคิดวิเคราะห์จากแผ่นป้ายหาเสียง

ความสนุกของการเลือกตั้ง มาจากป้ายหาเสียง

ป้ายหาเสียง คือ ความคิดสร้างสรรค์ของผู้ใหญ่ เป็นสิ่งที่ทุกคนมักจะต้องเห็นเป็นประจำเมื่อถึงช่วงการเลือกตั้งอันดุเดือดนี้ หากลูกถามว่า มันคือป้ายอะไร? คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกมองว่ามันเป็นแผ่นป้ายที่น่าสนุก และท้าทายคู่แข่งน่าดู เพราะทุกคนได้นำความคิดที่ดีต่อประเทศมารวมไว้ในป้ายนี้หมดแล้ว ควรอ่านให้ละเอียด รอบคอบ และจงเลือกนโยบายที่ชอบจริงๆ ไม่ต้องไปเลือกตามใครค่ะ

แม้ว่าลูกจะยังอ่านหนังสือไม่ออก คุณพ่อคุณแม่ก็ควรอ่านให้ฟัง และอธิบายความหมายให้ลูกฟังแบบชัดเจน ไม่ซับซ้อน ลูกจะรู้สึกอยากมีส่วนร่วมในการเลือกตั้งไปพร้อมๆ กับคุณพ่อคุณแม่ค่ะ

 

4. สอนลูกฟังข้อมูลให้รอบด้าน

ควรสอนให้ลูกรู้จักการฟังรอบด้าน ไม่ใช่ฟังข้อมูลด้านเดียว เรื่องนี้สามารถสอนอะไรได้หลายๆ อย่าง ในการรวบรวมข้อมูลว่าจริงหรือเท็จ ควรมาจากหลายๆ แหล่งข้อมูล ไม่ควรเชื่อแค่ข้อมูลของเเหล่งเดียว เพราะข้อมูลอาจถูกเปลี่ยนแปลง บิดเบือนจากความเป็นจริงได้ จึงเป็นเรื่องที่ต้องบอกให้ลูกรู้จักชั่งใจ รับฟัง เพราะการที่ได้ฟังความหลายด้านจะช่วยทำให้ลดความผิดพลาดลงได้

 

 5. อย่าเพิกเฉยต่อสิทธิ์ที่ได้รับ

การไม่ไปเลือกตั้ง นอกจากจะเป็นการนอนหลับทับสิทธิ์ของตัวเองแล้ว แล้ววยังเป็นการละเลยหน้าที่ของตนเองในการเป็นพลเมืองอีกด้วย คุณพ่อคุณแม่ ควรสอนลูกๆ ว่าหากเราไม่ไปใช้สิทธิ์ที่เราได้ ก็จะมีคนอื่นมาใช้สิทธิ์ของเราแทนนั่นเอง ซึ่งนั่นมันเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย และไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง แต่มันก็คือเรื่องจริงในสังคมไทยนั่นเองค่ะ

 

6. อย่าเครียดกับสถานการณ์มากจนเกินไป

ในหลายครั้งที่มีการโต้เถียงเรื่องพรรคการเมืองต่างๆ กันมากขึ้น และสื่อมวลชนมักจะชอบเสนอประเด็นการโต้แย้งต่างๆ ผ่านสื่อต่างๆ เช่น โทรทัศน์ บางคนนิยมใช้คำพูดจาเสียดสี ส่อเสียด ในการนำเสนอข่าว ทำให้ลูกซึมซับคำพูดที่ไม่ดีเหล่านั้นได้ เราจึงควรให้คำแนะนำลูกในเรื่องการรับรู้ข่าวสาร เพราะความเครียดอาจทำให้บรรยากาศ หรือความสัมพันธ์ภายในครอบครัวขัดแย้งได้ค่ะ

 

7. อย่าทะเลาะกันต่อหน้าลูก เพราะการเมือง

เราทุกคนย่อมมีความคิดเห็นส่วนตัวที่แตกต่างกันอยู่แล้ว รวมทั้งคุณพ่อคุณแม่เองด้วย จนบางครั้งก็อาจเกิดการโต้เถียง หรือทะเลาะกันในครอบครัวขึ้น ดังนั้น เราจึงไม่ควรคุยเรื่องการเมืองในครอบครัวถึงประเด็นความขัดแย้งต่างๆ และไม่ควรทะเลาะกันต่อหน้าลูกด้วยค่ะ

 

8. แบบอย่างที่ดีที่สุดของลูก คือพ่อแม่

คุณพ่อคุณแม่ควรเป็นแบบอย่างที่ดีในเรื่องของการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง วางตัวให้เหมาะสม ไม่ทะเลาะ หรือขัดแย้ง โต้เถียงเรื่องการเมืองให้ลูกเห็น ควรยอมรับฟังความคิดเห็นของกันและกัน เป็นการฝึกการรับมือกับปัญหาความขัดแย้งแบบมีเหตุมีผลค่ะ

การเลือกตั้งเป็นสิ่งที่ทุกคนในประเทศต้องทำ เมื่ออายุถึงเกณฑ์ที่กำหนด คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเล็ก จึงต้องมีการปรับตัวและคอยสอน ชี้แนะให้ลูกเข้าใจว่าการเลือกตั้งสามารถส่งผลอะไรบ้างให้ตัวเขาและครอบครัวในอนาคต การตั้งใจเลือกผู้นำที่ดีจึงมีความสำคัญอย่างมากต่อประเทศนั่นเองค่ะ

ข้อมูลอ้างอิงจาก : MGR ONLINE

Writer Profile : Mneeose

💙💙💙

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save