fbpx

คุณเป็นใคร? ในยอดมนุษย์แม่ 2020 กับความคิดคุณแม่รุ่นใหม่

Writer : Mneeose
: 15 เมษายน 2563

เคยสงสัยไหมคะ? ความคิดแบบแม่ๆ อย่างเราเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาเลย เมื่อก่อนคิดว่าสิ่งนี้ดี แต่ตอนนี้มันกลับไม่ได้เป็นอย่างนั้นแล้ว

การเลี้ยงลูกของยอดมนุษย์แม่สไตล์ไทยในละยุคสมัยย่อมมีความแตกต่างกัน ตามแบบเฉพาะตัว อาจเพราะสภาพแวดล้อม และสังคมที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา รวมทั้งการเติบโตสู่โลกกว้างของลูกด้วย เหล่าคุณแม่จึงมีความคิดหลากหลายแบบ เราไปดูเหตุผลกันค่ะ ว่าทำไมแม่ๆ เนี่ยถึงมีความคิดที่เปลี่ยนไปเมื่อลูกเริ่มโต แล้วตอนนี้คุณเป็นใคร? ในยอดมนุษย์แม่ 2020 ไปเล่นกันเลยค่ะ

คุณแม่ตั้งครรภ์ เป็นกลุ่ม #มนุษย์แม่ขี้สงสัย (มากที่สุด)

คุณแม่ที่เริ่มตั้งครรภ์มักจะมีความ “อยากรู้อยากเห็น” เกี่ยวกับเจ้าตัวเล็กไปหมด เรียกได้ว่าเป็นช่วงแห่งการเก็บข้อมูลตุนความรู้อย่างแท้จริงเลยค่ะ เช่น เราต้องทานอะไร ลูกถึงได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์มากที่สุด รวมทั้งข้อมูลการดูแลลูกในครรภ์ และข้อมูลการเตรียมตัวซื้อสินค้าต่างๆ

คุณแม่ในกลุ่มนี้จึงมักชอบดูรีวิวเป็นที่สุด ทั้งรีวิวสินค้า และขั้นตอนการดูแลลูกที่ถูกต้อง ไม่ชอบความซับซ้อน หรือยุ่งยาก ยิ่งมีการรับรองคุณภาพจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ คุณแม่กลุ่มนี้ยิ่งปลื้มสุดๆ เลยล่ะค่ะ ที่คุณแม่กลุ่มนี้อยากรู้อยากเห็นไปซะหมด นั่นคงเพราะจะได้ “เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้เจ้าตัวเล็ก” เมื่อเขาคลอดออกมา

สไตล์การเลี้ยงลูก : คุณแม่ตั้งครรภ์เน้น “เลี้ยงลูกให้แข็งแรง มีภูมิต้านทานที่ดี” 

 

คุณแม่ลูกเล็ก วัย 2-3 ขวบ เป็นกลุ่ม #มนุษ์เเม่จอมจัดการ

เมื่อคุณแม่คลอดลูกออกมาแล้ว ก็จะเปลี่ยนเป็น #มนุษย์แม่จอมจัดการ ทันทีเลยค่ะ เรียกว่าเป็นช่วงแห่งการซื้อของมาให้ลูกแบบหนักหน่วงเลยก็ว่าได้ อันนู้นก็ดี อันนี้ลูกก็น่าจะชอบ เมื่อเลือกไม่ได้ งั้นก็ซื้อมันทั้ง 2 อย่างนั่นเเหละค่ะ ไม่ต้องปวดหัวเลือกมากด้วย เพราะคุณแม่ทุกคนที่มีลูกเล็ก มักจะต้องการใช้เวลาช่วงนี้กับลูกให้นานที่สุด อยู่ข้างๆ ลูกให้ได้มากที่สุด และให้ลูกได้รับสิ่งที่ดีที่สุดนั่นเอง

คุณแม่กลุ่มนี้จึงเป็นคุณแม่ที่มีการใช้เงินในการช้อปเยอะมาก เช่น ของเล่น เสื้อผ้า ฯลฯ โดยเฉพาะในแอปพลิเคชั่นช้อปออนไลน์ในมือถือต่างๆ ช่างล่อตาล่อใจคุณแม่กลุ่มนี้ได้อย่างดีเลยทีเดียวค่ะ แถมยังสะดวกสบายไม่ต้องออกไปไหน เพียงไม่กี่วันของก็มาส่งถึงหน้าบ้านแล้ว สะดวกสุดๆ

สไตล์การเลี้ยงลูก : คุณแม่ลูกเล็กเน้น “เลี้ยงลูกให้เป็นคนดีของสังคม” เป็นที่รักของสังคมใกล้ตัวลูก ให้คนเอ็นดูนั่นเอง

 

คุณแม่ลูกโต วัย 3-6 ปี เป็นกลุ่ม #มนุษย์แม่ CEO

เมื่อเจ้าตัวเล็กเริ่มโตขึ้น คุณแม่อย่างเราจึงมักเปลี่ยนพฤติกรรมความสนใจทันที จากที่แต่ก่อนเคยสนใจของเล่น ให้ลูกฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็กให้เเข็งแรง แต่ตอนนี้กลับสนใจของเล่นที่มีการฝึก EQ หรือ IQ ของลูกเป็นพิเศษ รวมทั้งการเล่น และการเรียนพิเศษ เพื่อเสริมทักษะต่างๆ ด้วย เพราะเมื่อเด็กๆ เริ่มโตแล้วพวกเขาจะได้รู้จักตัวเองว่าตัวเองชอบอะไร ซึ่งเราก็ต้องเปิดใจ และยอมรับในสิ่งที่พวกเขาชอบด้วยนะคะ คุณพ่อคุณแม่อย่างเราๆ ควรสนับสนุนให้ลูกเดินเส้นทางนั้นอย่างเต็มที่เช่นกัน

ส่วนในเรื่องของการซื้อสินค้าต่างๆ นั้น พบว่า ลูกวัยนี้จะเข้ามามีอิทธิพลในการตัดสินใจซื้อของต่างๆ อย่างเห็นได้ชัด ถ้าลูกอยากได้แบรนด์ไหน พ่อแม่ก็จะมีแนวโน้มว่าจะเลือกซื้อแบรนด์ที่ลูกชื่นชอบก่อนนั่นเอง ที่สำคัญ ยังให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้าเป็นหลักอีกด้วย เพราะคิดว่าซื้อมาแล้ว ควรจะใช้ได้หลายๆ ครั้งสิ

สไตล์การเลี้ยงลูก : คุณแม่ลูกโตเน้น “เลี้ยงลูกให้เป็นตัวของตัวเอง กล้าคิดกล้าทำ”

 

สุดยอดมนุษย์แม่ในแบบต่างๆ 

นอกจากเหล่าคุณแม่ด้านบนที่เราได้นำเสนอแล้ว ยังมีคุณแม่ๆ อีกหลายประเภทเลยค่ะ ที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกัน

จากผลสำรวจ พบว่า

46.5% : #แม่ก็คือแม่ : แม่ที่ทำทุกอย่างที่ดีที่สุดเพื่อลูก เลือกสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อลูกด้วยตัวของแม่เอง
45.7% : #แม่สายฝ. :  แม่ที่เลี้ยงลูกอย่างอิสระสไตล์ฝรั่ง ลูกชอบอะไร แม่พร้อมสนับสนุน ไม่เอาความคิดของแม่ไปกำหนดทิศทางของลูก
41% : #แม่ลูกรักกัน : แม่ที่เน้นทำกิจกรรมร่วมกับลูกทั้งในบ้านและนอกบ้าน
34.9% : #แม่ฉลาดสร้าง : แม่ที่สนใจเรื่องความฉลาด และพัฒนาการของลูก ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการเรียนรู้ของลูก

สไตล์การเลี้ยงลูกของ #มนุษย์แม่2020 ย่อมมีความหลากหลายและแตกต่างกันไป สุดท้ายสิ่งที่คุณแม่ทุกคนต้องการมากที่สุดในการเลี้ยงลูก นั่นก็คือ อยากให้ลูกเติบโตขึ้นในแบบที่สมวัยกับเขา ไม่เร่งเดินหน้าเร็วจนเกินไป แม้ว่าโลกจะหมุนเร็วสักแค่ไหน และเมื่อโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ก็อยากให้ลูกเอาตัวรอดได้ แก้ปัญหาเป็นนั่นเองค่ะ

แล้วคุณล่ะ เป็นยอดมนุษย์แบบไหน คอมเมนต์มาให้เราอ่านกันเพลินๆ ได้เลยนะว่าคุณมีนิสัยตรงกับที่เราบอกไปรึเปล่า?

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : https://www.marketingoops.com

Writer Profile : Mneeose

💙💙💙

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



26 สิงหาคม 2563
7 สิ่งที่เด็กวัย 2 ขวบทำเก่ง
ช่วงวัยของเด็ก
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save