fbpx

10 ขั้นตอนเลี้ยงลูกให้เป็นเด็กคิดบวก +++

Writer : Mookky TCN
: 7 สิงหาคม 2560

คุณพ่อคุณเเม่หลายคนอยากให้ลูกตัวเองเป็นเด็กคิดบวก แต่อาจยังไม่รู็ว่าจะต้องทำอย่างไร ใช้เนวคิดไหนในการเลี้ยงลูกถึงจะดีที่สุด วันนี้เรามีข้อมูลน่าสนใจจากหนังสือเรื่อง “เลี้ยงบวก ลูกบวก” เป็นวิธีเลี้ยงลูก 10 ขั้นตอนให้เป็นเด็กคิดบวกมาฝากกันค่ะ

1. ให้ความสำคัญกับ เวลาของลูก

พ่อแม่ควรให้เวลาที่ใช้กับลูกเป็น “เวลาคุณภาพ” ซึ่งการที่เด็กรู้สึกว่าได้รับความรัก เเละได้เวลาเพียงพอจากพ่อเเม่จะทำให้เด็กรู้สึกว่าตัวเองเป็นที่รัก พร้อมทั้งไม่เเสดงพฤติกรรมลบออกมาเพื่อเรียกร้องความสนใจ

2. เด็กทุกคนต้องการการยอมรับ “ที่เป็นตัวฉัน”

สิ่งหนึ่งที่สำคัญคือพ่อเเม่ควรเข้าใจธรรมชาติของเด็ก เเละตระหนักว่าเเต่ละคนเกิดมาด้วยพื้นฐานที่เเตกต่างกัน การที่พ่อเเม่แสดงการยอมรับในตัวลูกจพทำให้ลูกเชื่อมั่นในตัวเอง เเละเป็นพื้นฐานในการพัฒนาความมั่นใจต่อไปในอนาคต

3. จับถูกมากกว่าจับผิด

เราเคยได้ยินกันว่า “พรพ่อเเม่เป็นสิ่งประเสริฐที่สุด” ซึ่งในทางปฎิบัติเเล้วเด็กๆ ที่ได้รับคำชมก็เหมือนได้รับพลังเชิงบวกจากพ่อเเม่ การที่พ่อเเม่มองหาข้อดีในตัวเด็กเเล้วเเสดงความชื่นชมจะทำให้เด็กสามารถพัฒนาตัวเองได้อีก

4. ช่วยให้ลูก ​”มีอำนาจ” ในทางที่เหมาะสม


พ่อเเม่ควรฝึกฝนพฤติกรรมเชิงบวกของลูกด้วยการถามคำถาม เปิดโอกาสให้คิด เเละรับผิดชอบในทางเลือกของตัวเอง จะทำให้เด็กมีพฤติกรรมที่ดีกว่าเด็กที่ถูกควรคุมให้อยู่ในโอววาท คอยทำตามคำสั่งพ่อเเม่ตลอดเวลา เพราะเด็กจะกลายเป็นคนก้าวร้าว หรืออาจกลายเป็นเด็กที่ดื้อเงียบไปเลย

5. ไม่เชื่อว่าการลงโทษ คือหนทางแห่งการพัฒนา

ในวัยเด็กสมองส่วนอารมณ์จะพัฒนาไปมากกว่าสมองส่วนคิด ซึ่งการลงโทษเด็กจะทำให้สมองส่วนอารมณ์ถูกใช้ ทำให้เด็กไม่ได้ฝึกคิด หากอยากเลี้ยงลูกเชิงบวกควรอธิบายเหตุผลถูกเเละผิด พร้อมทั้งชี้เเนะเเนวทางที่ถุกต้อง เพื่อฝึกให้ลูกคิดเป็นมากกว่าค่ะ

6. ให้เรียนรู้จากผลลัพธ์

การฝึกลูกด้วยการกระทำมักได้ผลกว่าคำพูด นั่นคือควรให้ลูกเรียนรู้ผลลัพธ์ของเเต่ละการกระทำด้วยตัวเอง เช่น ไม่ยอมทานข้าวก็ปล่อยให้หิว ทำของเล่นเพื่อพังก็ให้หักเงินค่าขนมมาชดใช้ การทำเเบบนี้ดีกว่าการสั่งลูกเฉยๆ ว่า “ไปกินข้าวสิ” , “เล่นของเล่นเบาๆ สิ” เพราะเป็นการฝึกให้เด็กรับผิดชอบ เเละมีเเนวโน้มที่จะทำพฤติกรรมดีๆ มากกว่าในอนาคต

7. ฝึกวินัยด้วยการใช้ “kind but firm”

พ่อแม่ควรมีหลักการณ์ที่ชัดเจนในการสอนลูก โดยไม่หวั่นไหวไปกับอารมณ์ที่ลูกเเสดงออกมาทั้ง เสียงร้องไห้ น้ำตา เสียงกรีดร้องอาละวาด ซึ่งการสอนลูกเเบบนี้จะทำให้เด็กกลายเป็นคนมีวินัยเข้มเเข็งค่ะ

8. ต้อนรับทุกอารมณ์ลูก

การมีอารมณ์ลบบ้างไม่ใช่เรื่องผิด เเละเป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้ พ่อเเม่ควรฝึกให้ลูกเรียนรู้เเะลฝึกรับมือกับอารมณ์นั้นๆ ในทางที่ถูก

9. เป็นต้นแบบที่ดี

การสอนลูกที่ดีที่สุดคือการเป็นตัวอย่างที่ดีให้เห็น ซึ่งลูกจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับพ่อเเม่ที่เป็นต้นเเบบนั่นเองค่ะ หากคุณพ่อคุณเเม่อยากให้ลูกมีพฤติกรรมเเบบไหนควรฝึกตัวเองให้เป็นคนเเบบนั้นก่อน เช่น อยากให้ลูกเป็นเด็กพูดเพราะ ก็ไม่ควรจะพูดคำหยาบกันในครอบครัว

10. ยอมรับกับความไม่สมบูรณ์แบบ

พ่อแม่หลายคนมักคิดว่า  “ตัวเองยังเป็นพ่อเเม่ที่ไม่ดีพอ” เเต่ความจริงเเล้วทกุคนสามารถพัฒนาตัวเองขึ้นมาได้ เพียงตั้งใจฝึกฝน เเละศึกษาข้อมูลที่ถูกต้องก็เป็นสิ่งที่ดีเเล้ว

การสร้างลูกด้วยเเนวคิดเชิงบวกต้องใช้ทั้งเวลา ความอดทน เเละความร่วมมือที่มากเลยทีเดียว ซึ่งอยากเป็นกำลังใจให้พ่อเเม่ทุกคนที่กำลังพยายามอยู่ในเส้นทางนี้ เราเชื่อว่าความรักที่มีให้ลูกจะต้องทำให้เขาเติบโตมาเป็นเด็กที่ดีเเน่นอนค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือ “เลี้ยงบวก ลูกบวก”
ผู้เขียน พญ. จิราภรณ์ อรุณากูร
จากเพจ เลี้ยงลูกนอกบ้าน

Writer Profile : Mookky TCN

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save