เมื่อลูกเริ่มโตและไปโรงเรียนแล้ว ทำให้คุณพ่อคุณแม่ได้มีเวลาส่วนตัวที่จะอยู่กับตัวเองบ้าง นั่นถือเป็นข้อดีของระยะห่างกัน แต่เมื่อโรงเรียนปิดเทอม พ่อแม่บางคนอาจจะยังไม่คุ้นเคย เพราะเคยมีเวลาส่วนตัว แต่ตอนนี้ไม่มีอีกต่อไปจึงทำให้เกิดอาการเบื่อลูกได้ เราจึงขอเสนอวิธีในการทำงานควบคู่กับการเลี้ยงลูกเมื่อมีลูกอยู่ข้างกายตลอดเวลาให้มีความสุขในเวลาเดียวกัน ถ้าเรามีการจัดการเวลาที่ดีจะทำให้ลูกกับเรามีความสนิทสนม และไว้ใจเรามากขึ้นค่ะ
1.ทำตาราง “วันนี้อยากทำอะไรดีนะ?” ทั้งคุณแม่และลูก
นำกระดาษขึ้นมาจดรายการที่คุณแม่ต้องทำในวันนี้ และคอยถามลูกว่า “วันนี้ลูกอยากทำอะไรดีนะ?” เพื่อให้ลูกกล้าแสดงความคิดเห็นกับคนในครอบครัว และไว้ใจว่าครอบครัวจะเปิดรับฟังความคิดเห็นของเขา จดรายการที่ต้องทำมาเป็นข้อๆ และทยอยทำให้สำเร็จเป็นอย่างๆ ไป การทำตารางจะช่วยให้ลูกเรียนรู้ว่า วันนี้เขามีสิ่งใดบ้างที่ต้องทำ ซึ่งเป็นการฝึกความรับผิดชอบแบบหนึ่งนั่นเอง นอกจากนี้ยังเป็นการฝึกวางแผน เช่น ควรทำสิ่งที่ง่ายไปหายาก / ทำสิ่งนี้ก่อนหรือหลัง / ทำสิ่งที่ชอบก่อนสิ่งที่ไม่ชอบ เพื่อให้สำเร็จในทุกงาน
ข้อควรระวัง : อย่ากำหนดเวลาเป๊ะๆ จนเกินไป เพราะจะถือว่าเป็นการทรมานลูกน้อยเสียเปล่าๆ แค่กำหนดว่าวันนี้มีอะไรที่ต้องทำ แต่ไม่ต้องถึงขั้นกำหนดเวลา ช่วงวัย 3 – 6 ขวบ เป็นวัยที่กำลังซนได้ที่เลยทีเดียว ปล่อยให้เขาได้ทำในสิ่งที่อยากทำ และคอยสนับสนุนเขา
2.ชวนลูกช่วยทำงานบ้าน
เมื่อมีงานบ้านต้องทำ ลองเรียกลูกมาช่วยเล็กๆน้อยๆ พยายามอย่าให้ลูกเล่นแต่มือถือ แต่มาเล่นกับพ่อแม่บ้าง และควรทำให้ลูกคิดว่าการทำงานบ้านนั้นเป็นสิ่งที่สนุก และไม่ได้น่าเบื่อขนาดนั้น คุณพ่อคุณแม่อาจจะเล่นกับลูกไปพร้อมกับทำงานบ้านไปด้วยก็ได้ เมื่อทำงานบ้านเสร็จแล้วควรให้รางวัลลูกที่มาช่วยด้วย เช่น พาลูกไปเดินห้าง หรือพาลูกพาไปเดินเล่นนอกบ้านในตอนเช้า เพื่อให้ร่างกายได้สัมผัสกับแสงแดด ให้รู้สึกสดชื่นและมีพลังไปทั้งวัน พาไปรู้จักกับเพื่อนใหม่ๆ ไปสระว่ายน้ำ หรือไปสวนสาธารณะก็ได้
ถ้าลูกยังมัวแต่เล่นมือถือให้คุณพ่อคุณแม่ใจเเข็งกำหนดเวลาในการเล่นโทรศัพท์ขั้นเด็ดขาด เพื่อเรียกลูกให้ไปทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์บ้าง
3.ถ้ามีงานส่วนตัวที่ต้องทำ ลองหาอะไรที่ลูกชอบมาดึงดูดความสนใจ
ถ้าคุณพ่อคุณแม่มีงานด่วนที่ต้องทำจริงๆ เมื่ออยู่บ้านกับลูกควรหากิจกรรมที่ลูกชื่นชอบให้เขาได้ทำ เช่น การวาดรูป การเล่นของเล่น การดูการ์ตูน เป็นต้น และควรนั่งอยู่ข้างๆ ลูกคอยพูด และคอยเล่นกับลูกเป็นช่วงๆ
หากลูกเกิดอาการงอแง ให้หันมาพูดคุยและเล่นกับลูกสักพักก่อน แล้วค่อยกลับไปทำงานเหมือนเดิม หรือถ้าลูกโตพอจะพูดรู้เรื่องแล้ว อาจจะพูดกับลูกว่า “ถ้าเข็มยาวถึงเลข…… แม่จะมาเล่นด้วยนะจ๊ะ”
4.เวลาที่ลูกหลับ คือ ลาภอันประเสริฐ
ใช่แล้วค่ะ คุณแม่ทุกคนต้องรู้สึกแบบนี้อย่างแน่นอน เพราะช่วงเวลาที่ลูกน้อยนอนหลับจะเป็นช่วงเวลาเดียวที่คุณพ่อคุณแม่ได้พักผ่อนเอนกายที่แสนเพลีย และมีเวลาทำในสิ่งที่อยากจะทำได้ค่ะ ถ้าลูกหลับกลางวันก็ไม่ต้องเงียบกริบ เปิดทีวีเบาๆ ทำทุกอย่างได้ปกติค่ะ เรื่องการนอนระหว่างวัน คุณแม่สามารถสังเกตุได้จากลูกค่ะ พอเลี้ยงไปสักพักก็จะรู้แล้วว่าช่วงไหนเป็นเวลานอนลูก เด็กบางคนเขาจะนอนตรงเวลาของเค้าเอง แต่ถ้านอนหลับตอนกลางคืน ให้ปิดไฟในห้อง และพยายามทำทุกอย่างเงียบๆ ตั้งแต่ 2 ทุ่มเป็นต้นไป เพื่อคุณแม่จะได้หายเหนื่อยไวๆค่ะ
5.หากคุณแม่มีงานที่ลูกสามารถช่วยทำได้ ลองให้ลูกช่วยทำ
ถ้าหากลูกโตพอรู้เรื่องแล้ว การที่ได้เขามาช่วยจดงาน หยิบนั่นหยิบนี่ให้ ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีนะคะ เพราะเขาจะรู้สึกว่าตัวเองได้ทำตัวมีประโยชน์เป็นที่พึ่งพาให้กับพ่อแม่ได้เหมือนกัน และที่สำคัญ เราสามารถสอนสิ่งต่างๆ ของงานไปให้เขาได้อีกด้วยหากเรื่องนั้นมันไม่ยาก และซับซ้อนมากจนเกินไป เมื่อลูกโตมาลูกจะซึมซับกับวิธีการทำงานของคุณพ่อและคุณแม่ได้เองค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ พอจะแก้เบื่อให้คุณแม่ที่ขี้เบื่อ และอยากมีมีเวลาส่วนตัวได้บ้างรึเปล่า ลองนำไปปรับใช้กันดูในชีวิตจริงกันนะคะ ยิ่งอยู่กับลูกและใช้เวลาร่วมกันกับเขามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ลูกสนิทสนม และไว้ใจเชื่อใจกับคุณพ่อคุณแม่มากขึ้นแน่นอนค่ะ