fbpx

3 ขั้นตอนฝึกลูกให้นอนหลับยาวตลอดคืน

Writer : Lalimay
: 28 มีนาคม 2561

เป็นกันไหมคะ? ลูกชอบตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วร้องไห้งอแง คนเป็นพ่อเป็นแม่อย่างเราก็ไม่รู้จะทำอย่างไรให้ลูกหยุดร้องและนอนต่อ การตื่นกลางดึกของลูกนอกจากจะเป็นผลเสียต่อลูกแล้วยังส่งผลกระทบต่อคุณพ่อคุณแม่ด้วย วันนี้เราจึงมี 3 ขั้นตอนง่ายๆ ที่หากทำเป็นประจำทุกวันแล้วจะช่วยให้ลูกนอนหลับยาวและสนิทตลอดคืนมาฝากค่ะ

ขั้นตอนที่ 1 ปลุกลูกก่อน 7 โมง

ควรให้ลูกนอนแต่หัวค่ำ คือไม่เกิน 2 ทุ่มและปลุกลูกให้ตื่นภายใน 7 โมงเช้า โดยวิธีการปลุกคือ

  1. เปิดม่านให้แสงอาทิตย์ส่องมาในห้องนอน
  2. เมื่อปลุกแล้วอย่ารีบอุ้มลูกขึ้นมาทันที เพราะอาจทำให้งอแงง่วงนอนได้
  3. เริ่มกิจวัตรประจำวันตอนเช้าพร้อมบอกลูกด้วยว่ากำลังจะทำอะไร เช่น ไปเช็ดหน้ากันนะ ไม่เปลี่ยนผ้าอ้อมกันเถอะ เป็นต้น

ขั้นตอนที่ 2 ปรับเวลานอนกลางวันและทำกิจกรรมให้มากๆ

“การนอนหลับที่มีคุณภาพในตอนกลางคืน ขึ้นอยู่กับกิจกรรมในตอนกลางวัน”

ในช่วงครึ่งวันเช้าควรทำกิจกรรมต่างๆ ท่ามกลางแสงอาทิตย์ เช่น ไปเดินเล่น เพราะแดดยามเช้าจะช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเมลาโทนิน ทำให้เรารู้สึกง่วงนอนมากในตอนกลางคืน ทำให้หลับได้ดีขึ้นได้ดีขึ้น ส่วนเรื่องการนอนกลางวัน ควรปฏิบัติดังนี้

  1. ตั้งแต่แรกเกิดถึงช่วง 3 เดือนแรก ถ้าลูกง่วงให้เข้านอนเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ถ้า 4 เดือนขึ้นไป ควรกำหนดช่วงเวลาที่ให้ลูกนอน
  2. การนอนกลางวันไม่ใช่ว่าให้นอนนานแค่ไหนก็ได้ แต่ควรปลุกเมื่อเห็นว่าลูกนอนได้ครบตามเวลาคร่าวๆ
  3. ช่วงเวลาหลัง 5 โมงเย็น ไม่ควรให้ลูกนอนหลับเพราะจะส่งผลต่อการนอนตอนกลางคืน

ขั้นตอนที่ 3 ทำให้ 30 นาทีก่อนนอนเป็นช่วงเวลาแห่งความอบอุ่น

ช่วง 30 นาทีก่อนเข้านอนเป็นช่วงเวลาเสริมสร้างความผูกพันของแม่กับลูกให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ให้เปิดไฟสลัวๆ ในห้องที่อยู่ด้วยกันเป็นประจำ สร้างบรรยากาศให้เหมือนช่วงโพล้เพล้โดยใช้แสงสีส้มจากโคมไฟที่ส่องแสงทางอ้อมหรือหลอดไฟดวงเล็กๆ เพราะแสงสีส้มจะช่วยให้จิตใจสงบ

สิ่งที่ควรทำคือ พูดกับลูกช้าๆ อย่างอ่อนโยน ห้ามดูโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือเด็ดขาด ลืมเรื่องงานหรืองานบ้านให้หมด เอาใจใส่ลูกให้เต็มที่และสัมผัสลูกอย่างใกล้ชิด

หวังว่าเมื่อทำตามทั้ง 3 ขั้นตอนนี้แล้ว จะช่วยให้ลูกนอนหลับได้อย่างสนิท และหลับยาวตลอดคืนนะคะ

ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือฝึกลูกนอนยาวสไตล์คุณแม่ญี่ปุ่น โดย เอ็ทสึโกะ ชิมิสึ

Writer Profile : Lalimay

  • Blog :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save