fbpx

รู้จักกับประเภทของเด็ก 4 แบบ มาดูกันว่าลูกของคุณเป็นเด็กแบบไหน ?

Writer : blahblahboong
: 28 กันยายน 2560

เด็กแต่ละคนมีบุคลิกภาพที่แตกต่างกัน หากสังเกตพฤติกรรมของเด็กๆ ก็จะเข้าใจได้ว่า เด็กแต่ละคนนั้นมีความเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนกัน แน่นอนว่าเรื่องเหล่านี้ส่งผลต่อการเลี้ยงดู เราจะทราบได้อย่างไรว่า การเลี้ยงดูแบบไหนจะเหมาะสมกับลูกของเรา Carol Tuttle ได้จำแนกเด็กออกเป็น 4 ประเภทหลักๆ ลองมาสังเกตกันว่าลูกของนั้นมีบุคลิกแบบไหน และต้องการการดูแลอย่างไร

ประเภทที่ 1 เด็กร่าเริงแจ่มใส (The Fun-loving Child)

เด็กร่าเริงแจ่มใส (The Fun-loving Child)

เป็นเด็กที่มีความเป็นมิตรอยู่สูง เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นชอบที่จะพบปะผู้คนเข้าสังคม เด็กจะตื่นเต้นมากๆ เมื่อได้ออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านหรือได้ทำในสิ่งใหม่ๆ แต่ก็คาดเดาอารมณ์ไม่ได้ในบางครั้ง

สิ่งที่เด็กประเภทนี้ต้องการคือ ความสนุกสนาน พ่อ-แม่ที่พร้อมที่จะทำกิจกรรม เล่นสนุกไปพร้อมๆ กัน การทำเซอร์ไพรส์ให้กันบ้าง จะทำให้เด็กประเภทนี้มีความสุข

ประเภทที่ 2 เด็กอารมณ์อ่อนไหว (The Sensitive Child)

เด็กอารมณ์อ่อนไหว (The Sensitive Child)

เป็นเด็กที่พื้นฐานมีจิตใจที่อ่อนโยน ใจดี ขี้สงสาร ค่อนข้างเอาใจใส่กับสิ่งรอบๆ ตัว มีการแสดงอารมณ์ว่าชอบหรือไม่ชอบอย่างชัดเจน ทำให้เด็กประเภทนี้ต้องการความเอาใจใส่เป็นอย่างมาก

พ่อ-แม่และคนรอบตัวต้องเข้าไปพูดคุยทำความเข้าใจกับเขาอยู่เสมอ เพื่อให้เด็กรู้สึกผ่อนคลาย ไว้ใจที่จะเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟัง

ประเภททที่ 3 เด็กมุ่งมั่น (The Determined Child)

เด็กมุ่งมั่น (The Determined Child)

เป็นเด็กที่มีพลัง มีความคิดเป็นของตัวเอง ชอบที่จะทำกิจกรรมต่างๆ และเปิดรับประสบการณ์ใหม่ๆ ตลอดเวลา

การดูแลเด็กประเภทนี้พ่อ-แม่ต้องช่างสังเกตความสนใจของเขา สนับสนุนผลักดันและให้กำลังใจ ให้เค้าได้ทำในสิ่งที่เค้าชอบอย่างเต็มที่ รวมถึงคอยเชียร์ให้เค้าออกไปผจญภัยพบเจอกับความท้าทายใหม่ๆ

ประเภทที่ 4 เด็กจริงจัง (The More Serious Child)

เด็กจริงจัง (The More Serious Child)

เป็นเด็กช่างคิดวิเคราะห์ ชอบการใช้ความคิด ต้องการการยอมรับจากผู้อื่นสูง

คนที่จะเข้ามาดูแลเด็กประเภทนี้ ก่อนอื่นต้องยอมรับในตัวตนของเด็กให้ได้ก่อน อาจจะเริ่มจากการตั้งใจฟังในสิ่งที่เค้าพูด และคอยให้ความสนับสนุนในจุดแข็งของเด็ก

แน่นอนว่าไม่มีเด็กคนไหนบนโลกที่เหมือนกัน 100% เด็กแต่ละคนล้วนมีความแตกต่างกัน ประเภทของเด็กข้างต้นเป็นการจำแนกแบบหนึ่งเท่านั้น คุณพ่อ-คุณแม่ต้องหมั่นสังเกตและใส่ใจลูกของตนเอง เพื่อให้ลูกของเราได้รับการเลี้ยงดูที่เหมาะสมและพัฒนาในสิ่งที่เป็นตัวตนของเค้าต่อไปในอนาคต

ขอบคุณข้อมูลจาก : Carol Tuttle

Writer Profile : blahblahboong

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



7 ข้อคิดจากการดูการ์ตูน Finding Nemo
ชีวิตครอบครัว
5 เทคนิค ต่อรองกับลูกให้ได้ผล
ชีวิตครอบครัว
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save