fbpx

5 วิธีพูดกับลูกที่ติดการ์ตูนยังไง ให้ยอมมากินข้าว

Writer : nunzmoko
: 9 สิงหาคม 2562

ปัจจุบันช่องทางการ์ตูนของเด็กๆ มีมากมาย ไม่ว่าจะ การ์ตูนจากโทรทัศน์ หรือดูออนไลน์บนคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต เรียกได้ว่าดูได้ทุกที่ทุกเวลาจริงๆ และหากเด็กติดการ์ตูนมากไป จนไม่ยอมกินข้าว ไม่ออกไปทำกิจกรรมอื่นๆ จนไม่มีสังคมกับคนรอบข้างเลย ก็จะก่อให้เกิดผลเสียทั้งด้านสุขภาพและสภาพสังคมของลูก ไปดูกันดีกว่าว่าเราจะมีวิธีพูดกับเจ้าตัวเเสบที่ติดการ์ตูน จนไม่ยอมทานข้าวยังไงบ้าง

1. หนูจำได้มั้ยว่าสัญญากับพ่อ/แม่ ไว้ยังไงคะ/ครับ

คุณพ่อคุณแม่ต้องตั้งกฎการดูการ์ตูนให้ชัดเจน เข้าใจตรงกัน เช่น ให้ลูกดูการ์ตูนแค่ 2 ชม. ช่วงเช้า และ 2 ชม. ช่วงบ่าย ต่อวันเท่านั้น หากผิดข้อตกลง ก็จะอดดูไปอีก 1 วัน แม้บางทีลูกจะเรียกยาก ขอต่อเวลาไปบ้างแต่คุณพ่อคุณแม่ต้องทำให้ชัดเจนว่าถึงเวลาทานข้าวก็ต้องหยุดกิจกรรมนั้น วิธีนี้ต้องใจแข็งค่ะ เขาจะได้จำว่าไม่ควรผิดข้อตกลง

2. ไปทานข้าวกันค่ะ พ่อกับแม่พร้อมแล้วลูกล่ะคะ/ครับ

เวลาคุณพ่อคุณแม่ดูหนัง ดูละครแล้วติด แต่ยังสามารถหยุดความสนใจจากตรงนั้นได้ ถือเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก และชวนลูกไปทานอาหารพร้อมกัน เมื่อลูกเห็นพ่อแม่เป็นตัวอย่างก็จะทำตามค่ะ

3. วันนี้มีของโปรดลูกด้วย ช้าหมด อดน้า

อีกวิธีที่ทำให้ลูกละสายตาจากหน้าจอ ไม่ว่าจะทีวี แท็บเล็ตจากการ์ตูนเรื่องโปรดคือ อาหารจานโปรดของลูก ลองทำเมนูที่ลูกชอบ ตกแต่งหน้าตาอาหารที่เป็นรูปตัวการ์ตูนที่ลูกกำลังอินอยู่ นอกจากจะช่วยให้ลูกละจากจอได้แล้ว ยังทำให้ลูกลุ้นทุกวันว่า วันนี้คุณพ่อคุณแม่จะทำอะไรมาให้ทาน

4. อีก 10 นาทีแม่เก็บแล้วนะคะ ถ้าไม่มาแม่เก็บจริงๆ นะ

คุณแม่ลองไม่สนใจคำปฎิเสธ หรือการที่ลูกไม่ยอมลุกจากเก้าอี้ที่ดูการ์ตูนอยู่มาทานข้าว แต่ให้คุณแม่ลองทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ไม่สนใจบ้าง ถึงเวลากินแล้วไม่ยอมกิน คุณแม่แค่บอกว่าอีก 10 นาทีแม่เก็บนะคะ ถ้าลูกมากินไม่ทันเดี๋ยวจะหิวแย่ วันนี้มีของอร่อยเสียด้วยสิ แล้วคุณแม่ก็เก็บจริง ต่อไปลูกก็จะรู้ว่าถ้าไม่มาที่แม่เรียกก็จะอดกินจริงๆ

5. เรื่องนี้สนุกมาก ทานข้าวเสร็จไปดูด้วยกันต่อนะลูก

ทำให้ลูกรู้สึกว่าคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้ห้ามให้เค้าดู เพียงแต่หลังทานข้าวเสร็จก็สามารถมาดูรายการโปรดกันต่อได้ และแนะนำให้เสนอรายการสร้างสรรค์ให้กับลูก โดยที่มีตัวละครเป็นตัวการ์ตูน เพราะจะทำให้เด็กไม่รู้สึกตึงเครียดที่จะต้องดูรายการที่คุณพ่อคุณแม่แนะนำ อีกทั้งยังจะช่วยให้เด็กใช้เวลากับการ์ตูนที่เขาติดน้อยลงอีกด้วย

นอกจากลูกติดการ์ตูนแล้ว สาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้ลูกไม่อยากทานข้าว ก็มีอีกหลายสาเหตุ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ลองสังเกตพฤติกรรมและสาเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ลูกไม่หิวเพราะต่อต้านวิธีการที่พ่อแม่ใช้ในการบีบบังคับ บรรยากาศขณะกินข้าวไม่ดี ลูกน้อยกินอาหารขนมระหว่างมื้อจนไม่หิวเมื่อถึงเวลาอาหาร เป็นต้น

ที่มา – rakluke

Writer Profile : nunzmoko

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save