fbpx

6 เทคนิคสอนการบ้านลูกๆ ให้สนุกและไม่ดราม่า

Writer : buubae
: 15 มิถุนายน 2561

เมื่อพูดถึงการเรียน อีกสิ่งหนึ่งที่ลูกต้องทำเป็นหน้าที่ก็คือ การทำการบ้านนั่นเอง ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว การบ้านเป็นอะไรที่เด็กๆ บางคนไม่ค่อยอยากทำ แต่เชื่อหรือไม่ว่า เราสามารถชักชวนให้ลูกๆ ทำการบ้านได้หลายวิธี วันนี้เรามาดูกันดีกว่าว่า เราจะสามารถสอนการบ้านยังไงให้เด็กๆ รู้สึกสนุกและไม่งอแงกันดีกว่าจ้า

ตั้งกติกาก่อนให้ลูกทำการบ้าน

ก่อนจะทำการบ้านแต่ละครั้ง คุณพ่อคุณแม่ควรคุยกับลูกๆ ว่าวันนี้จะทำการบ้านด้วยกัน โดยที่บอกลูกๆ ว่าวันนี้เราจะเริ่มทำการบ้านกันกี่โมง พักกี่นาที หรือจูงใจลูกด้วยของตอบแทนต่างๆ เช่น ถ้าวันนี้ลูกทำการบ้านเสร็จ จะพาไปทานไอศกรีมด้วยกัน

ซึ่งการสอนหรือชักจูงให้ลูกทำการบ้านไม่ควรใช้ในเชิงบังคับมากเกินไป เน้นให้เด็กๆ เรียนรู้ และเข้าใจในหน้าที่ของตัวเองเป็นหลัก

 

ไม่เรียกให้ลูกทำการบ้านทันที

เมื่อใกล้ถึงเวลาที่ทำการบ้าน เราควรจะบอกให้เด็กๆ เตรียมความพร้อมก่อนที่จะทำการบ้านซัก 5-10 นาทีเพื่อให้เด็กๆปรับตัวก่อนและคุณพ่อคุณแม่ก็จะได้เตรียมตัวก่อนสอนเด็กๆ เช่นกัน

 

ออกแบบการสอนให้สนุก

คุณพ่อคุณแม่ย่อมรู้ดีว่า ลูกๆ ชอบการเรียนการสอนแบบไหน หรือเด็กๆ ชอบวิชาไหนเป็นพิเศษ การสอนลูกๆ ก็ควรจะปรับให้เข้ากับตัวเด็กๆ เช่น เมื่อลูกชอบวิชาคณิตศาสตร์ ซึ่งบางครั้งอาจจะเจอหัวข้อที่ยากและทำให้เด็กๆ ไม่เข้าใจ ถ้าเราฝืนสอนแบบตรงๆ อาจจะทำให้เด็กๆ ไม่มีสมาธิหรือเบื่อได้ง่ายๆ ดังนั้น การชักจูงเด็กๆ ด้วยสิ่งที่เด็กชอบพร้อมๆ กับการสอนก็เป็นอีกแนวทางที่ทำให้ไม่ให้เด็กเบื่อนั่นเอง

 

ตอบแทนลูกทุกครั้งเมื่อลูกทำสำเร็จ

เมื่อลูกแก้โจทย์ได้ หรือทำการบ้านเสร็จ สิ่งนึงที่เด็กๆ ต้องการคือการให้กำลังใจจากคุณพ่อคุณแม่ คำชม การหอม หรือการกอด ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีต่อใจเด็กๆ และควรระวังการใช้ความรุนแรงเมื่อลูกๆ ทำไม่สำเร็จ การตีไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา แต่อาจจะเป็นการเพิ่มปัญหา และส่งผลให้เด็กๆ ไม่ชอบการเรียนในอนาคตได้ด้วย

 

พักระหว่างทำการบ้าน

แน่นอนว่าการทำการบ้านแต่ละครั้ง เด็กๆ ก็ต้องใช้สมองและพลังงานในการทำโจทย์ให้เสร็จ ดังนั้นการพักระหว่างการทำการบ้านก็เป็นเรื่องดีที่ควรจะทำ เพื่อให้เด็กๆ ได้ผ่อนคลายและไม่กดดันเวลาทำการบ้านในแต่ละครั้ง ซึ่งการพักเบรคควรทำประมาณ 1 ครั้ง เพื่อไม่ให้เวลาสอนนานเกินไป

 

ควบคุมอารมณ์ระหว่างสอน

เมื่อคุณพ่อคุณแม่หรือลูกๆ เริ่มรู้สึกหงุดหงิด และอารมณ์เสียระหว่างทำการบ้าน ให้หยุดทำการบ้านแล้วไปอย่างอื่นแทน เพื่อเป็นการปรับอารมณ์ให้ดีขึ้น และเมื่อทั้งสองฝ่ายอารมณ์ดีขึ้นจึงกลับไปทำการบ้านต่อ แต่ถ้าเด็กๆ งอแงว่าไม่อยากทำ ให้ลองถามเด็กๆ ดูว่า ระหว่างถูกคุณครูทำโทษในวันพรุ่งนี้เพราะการบ้านไม่เสร็จ กับ ทำการบ้านเสร็จและได้เล่นเร็วขึ้น ลูกจะเลือกอย่างไหน เพื่อเป็นการชักจูงให้เด็กๆ ทำการบ้านต่อไป

ที่มา : kruupdate

Writer Profile : buubae

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



15 สิ่งดีๆ ที่พ่อทำเพื่อแม่ได้
ชีวิตครอบครัว
มีลูก 1 คน ต้องวางแผนการเงินอย่างไร
เตรียมตัวเป็นแม่
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save