fbpx

" ลูกฉันขี้กลัว " 8 สิ่งที่เด็กกลัว พ่อแม่ควรทำอย่างไร ?

Writer : Jicko
: 28 มิถุนายน 2562

คุณพ่อคุณแม่เองต่างก็มีความกลัวกันไปต่างๆ นานา กลัวลูกจะกินข้าวไม่อิ่มบ้าง กลัวอุบัติเหตุบ้าง และความกลัวก็ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะผู้ใหญ่ เด็กตัวเล็กๆ ก็มีความกลัวเช่นเดียวกัน บางคนกลัวมาก บางคนก็กลัวน้อยไม่เท่ากัน หรือบางครั้งเด็กๆ ก็กลัวสิ่งที่ไม่น่าจะกลัวขึ้นมาเฉยๆ

หากความกลัวนี้เพิ่มมากขึ้น จนบางครั้งคุณพ่อคุณแม่เองก็เริ่มสงสัยว่าจะมีปัญหาอะไรกับอนาคตของเด็กๆ หรือไม่ แล้วความกลัวนี้จะหายไปอย่างไร วันนี้ ParentsOne จะพาคุณพ่อคุณแม่มาทำความเข้าใจ และหาทางออกกับความกลัวนี้กันค่ะ

เป็นเรื่องธรรมชาติของเด็กทุกวัยที่จะต้องกลัว ขนาดผู้ใหญ่อย่างเราๆ ยังกลัวเลยค่ะ บางอย่างถ้าให้ย้อนไปสมัยเด็กๆ คุณพ่อคุณแม่เองก็มีความกลัว เช่นกลัวความมืด กลัวผี แต่เรื่องบางเรื่องพอโตขึ้นความกลัวเหล่านั้นมักจะหายไปเองตามวัย แล้วแต่ละวัยจะมีความกลัวแบบไหนบ้าง ไปดูกันเลย

วัยทารก : เป็นวัยที่มักจะกลัวทุกสิ่งที่อย่างที่ผิดแปลกไปจากเดิม เช่นเสียงดังๆ หรือหน้าตาของคนแปลกหน้าที่ไม่คุ้นชิน

วัย 1-3 ปี : วัยนี้จะเริ่มกลัวความมืด คุณพ่อคุณแม่จึงไม่ควรปล่อยให้ลูกอยู่ในห้องที่มืดๆ เพียงคนเดียว นอกจากความมืดแล้วเขายังกลัว กิจกรรมแปลกใหม่ที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต เช่นการปั่นจักรยานครั้งแรก การว่ายน้ำครั้งแรก เป็นต้น

วัย 3-5 ปี : วัยนี้ถือว่าเป็นวัยที่มีจินตนาการแล้ว สิ่งที่เขากลัวมักจะเป็นสิ่งที่เขาคิดว่ามีจริงๆ อยู่บนโลกใบนี้ อย่างเช่น ผี งูยักษ์กินคน แม่มด หรือเพื่อนในจินตนาการต่างๆ ที่เป็นตัวประหลาดทั้งหลายที่ทำให้เขากลัวได้ง่ายๆ นั้นเองค่ะ

วัย 6-12 ปี : วัยนี้มักจะกลัวสิ่งที่จะเป็นเรื่องจริงในชีวิตประจำวัน อย่างเช่น ไฟไหม้บ้าน เจ้าแมวตัวโปรดตาย แม่ไม่รัก พ่อตี เป็นต้น

 

สาเหตุของความกลัว

  • การขู่ การหลอก หรือการทำให้ตกใจอยู่บ่อยๆ : ลูกจะมีความรู้สึกฝังใจกับเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น จนบางครั้งคนที่เป็นต้นเหตุก็เป็นใครไม่ใกล้ไม่ไกล นั้นก็คือผู้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ชิดกับเด็กนั้นเองค่ะ
  • คนใกล้ชิดกับลูกเป็นคนขี้กลัวง่าย : ความกลัวโดยเห็นแบบอย่างจากคนใกล้ชิด เช่น คุณแม่กลัวหนูมากๆ เมื่อเห็นหนูทีไรต้องร้องเสียงดังทุกที แถมยังกระโดดหนีอีกด้วย เป็นต้น
  • ลูกเคยมีประสบการณ์ที่กระทบจิตใจอย่างรุนแรงมาก่อน : อาจจะเป็นประสบการณ์ที่ทำให้เขาตกใจอย่างมาก เช่น การได้รับอุบัติเหตุที่รุนแรงมาก่อนจึงทำให้เขารู้สึกไม่ปลอดภับ ต้องคอยระแวดระวังไว้ก่อน เพราะกลัวเหตุการณ์เดิมๆ จะเกิดอีกครั้ง
  • ขาดความอบอุ่น และความเข้าใจ : โดยเฉพาะจากผู้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ตัว คุณพ่อคุณแม่หรือคนที่เลี้ยงดู ที่ไม่ได้ฝึกฝนทักษะในด้านต่างๆ ทำให้เขาไม่เข้าใจและขาดความมั่นใจไป

 

เด็กๆ มักจะกลัวอะไรบ้าง ?

1.กลัวความมืด : เด็กหลายๆ คนมักกลัวความมืด เพราะในเวลากลางคืนเขาจะไม่สามารมองเห็นอะไรๆ ได้เลย ทำให้เวลาเดินหรือมองอะไร ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ และบวกกับจินตนาการของเขาเอง ทำให้ความมืดมันน่ากลัวเข้าไปอีก แต่อย่าว่าแต่เด็กที่กลัวเลยค่ะ ผู้ใหญ่อย่างเราๆ ก็ยังกลัวความมืดเลยจริงไหมคะ

 

2.ผีใต้เตียง หรือปีศาจในตู้ : เป็นสิ่งลึกลับแถมยังเป็นที่แคบ บวกกับความมืดที่มองไม่เห็น ทำให้เด็กๆ โดยเฉพาะเด็กไทยจะกลัวผีใต้เตียงเป็นพิเศษ ยิ่งดูภาพยนตร์ ละคร หรือเรื่องเล่า เกี่ยวกับเรื่องผีต่างๆ ยิ่งทำให้เด็กกลัวเข้าไปใหญ่ค่ะ

 

3.กลัวคนแปลกหน้า : เด็กๆ หลายคนมักจะกลัว หรือไม่อยากคุยหรืออยากเล่นด้วยกับคนแปลกหน้า หรือคนที่ไม่คุ้นชินในครอบครัว เพราะเด็กกำลังอยู่ในช่วงวัยของการจำหน้าคนที่คุ้นเคย หากพบหน้าคนไม่คุ้นเคยขึ้นมาจะให้เขากลัวและไม่อยากเผชิญหน้านั้นเองค่ะ

 

4.กลัวเสียงดัง : โดยเฉพาะเด็กเล็กๆ ที่มักจะมีความไวต่อเสียง หากมีเสียงที่ดังเกินไป เช่น เสียงฟ้าร้อง เสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม เสียงเครื่องดูดฝุ่น หรือจะเป็นเสียงเครื่องปั่นน้ำ หากดังเกินไปเขาก็จะเกิดความกลัวได้เช่นกันค่ะ

 

5.กลัวการถูกทิ้ง หรือคนไม่รัก : เด็กๆ มักชอบอยู่กับคนที่รักหรือคุ้นเคย เขาจะรู้สึกปลอดภัย หากวันไหนที่คุณพ่อคุณแม่ไม่อยู่ต้องไปทำงานนอกบ้านขึ้นมา แล้วไม่สามารถดูแลเขาได้ตลอดละก็ คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องหาสถานที่อย่างเช่น โรงเรียน ซึ่งเด็กๆ บางคนก็ถูกผลักดันให้เข้าโรงเรียนก่อนวัยที่จะต้องเข้าเรียนเสียอีก จึงทำให้เขาเหมือนกับว่าถูกทิ้งให้อยู่ลำพัง ทำให้เด็กๆ ไม่ชอบและกลัวไปเลยค่ะ

 

6.กลัวตำรวจจับ : ความกลัวนี้สาเหตุมักจะเกิดจากผู้ใหญ่มักจะหลอกให้เด็กๆ กลัว เช่น เมื่อใดที่ลูกไม่ยอมฟัง แม่ก็มักจะพูดว่า “ถ้าดื้อแบบนี้ เดี๋ยวจะให้ตำรวจมาจับเลยนะ” เมื่อเราหลอกเด็กมาๆ จะทำให้เขากลัวและสร้างทัศนคติที่ไม่ดีต่อตำรวจทั้งๆ ที่ตำรวจก็ไม่ได้ไปทำอะไรให้เด็กเลยนั้นเอง

 

7.กลัวคุณหมอและพยาบาล : เช่นเดียวกับการกลัวตำรวจ ที่คุณพ่อคุณแม่มักจะหลอกเด็กเมื่อเขาดื้อว่า “เดี๋ยวให้หมอจับฉีดยาเลยนะ” เด็กๆ เมื่อได้ยินเช่นนี้บ่อยๆ ก็จะเกิดความกลัวขึ้นมาทันที และมีทัศนคติทางลบต่อคุณหมอและพยาบาล เมื่อเกิดเจ็บป่วยขึ้นมา งานเข้าคุณพ่อคุณแม่เลยนะคะทีนี้ เด็กๆ จะกลัวโดยอันตโนมัติเลยค่ะ ยังไงคุณพ่อคุณแม่ต้องอธิบายให้เขาฟังว่าเรามาฉีดยาเพื่อให้เราหายป่วยและกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมนั้นเองค่ะ

 

8.กลัวสัตว์ต่างๆ : ยิ่งเป็นสัตว์ที่หน้าตาน่ากลัว ๆ และมีการปลูกฝังให้กลัวอย่างเช่น แมงมุม มดแดง งู เป็นต้น เด็กบางคนกลัวสัตว์นั้น จนใช้เป็นสัญลักษณ์ของวันฮาโลวีนเลยค่ะ

 

วิธีช่วยให้ลูกเอาชนะความกลัว

  • เข้าใจความกลัวของลูก : คุณพ่อคุณแม่ต้องเข้าใจว่าลูกของเรายังเด็ก และเป็นวัยแห่งการเรียนรู้โลก และจินตนาการ ดังนัน้นทุกสิ่งที่ลูกเห็นหรือได้ยิน จะทำให้เขาเกิดความกลัวต่างๆ ได้อยู่แล้ว เช่นผี ปีศาจ ความมืด แต่ความกลัวของเด็กแต่ละคนก็แตกต่างกันไป ตามช่วงอายุ วิธีเอาชนะความกฃัวที่ได้ผลกับเด็กแต่ละคนก็แตกต่างกันไปด้วยนั้นเอง ขึ้นอยู่กับอายุ พัฒนาการ และความสามารถในการจัดการกับความเครียดของเด็กแต่ละคนด้วย
  • คุยกับลูก : การคุยกับลูกจะช่วยให้เขาสบายใจขึ้น เหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้เขาได้เล่าความในใจว่า กลัวอะไรบ้าง เพราะอะไรทำไมถึงกลัว ให้เขาได้ระบายความรู้สึกออกมา ให้ลูกเห็นว่าคุณสนใจและเห็นอกเห็นใจความรู้สึกของเขา
  • ไม่ควรใช้คำพูด : “อย่าทำตัวเป็นเด็กทารก” , “อย่าปอดไปหน่อยเลย” , ” ดูเพื่อนของลูกสิ ไม่เห็นกลัวเลย ” เป็นต้น การพูดคำเหล่านี้จะทำให้ลูกเชื่อว่า ความรู้สึกกลัวเป็นสิ่งที่ผิด และต่อไปลูกจะไม่มาเล่าสิ่งที่เขากลัวให้คุณฟัง คุณต้องพยายามบอกเขาว่า ความกลัวเป็นสิ่งปกติ
  • อย่าละเลยความกลัวของลูก : เช่น ถ้าลูกกลัวญาติพี่น้อง หรือเพื่อนบ้านบางคน จงอย่าละเลยแล้วอย่าบังคับให้ลูกอยู่กับคนที่เขากลัว แต่ให้ลูกอธิบายว่าเพราะอะไรถึงกลัวคนๆ นั้น แต่ยังไงถ้าลูกเกิดการกลัวผิดปกติคุณพ่อคุณแม่ต้องสงสัยบ้าง เผื่อมีอะไรผิดปกตินะคะ
  • อย่าหัวเราะเยาะลูก : การทำเช่นนี้ไม่ได้ทำให้ลูกเกิดความกลัวที่น้อยลงเลย แต่จะทำให้เขากังวลมากขึ้น และทำให้ลูกเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเอง
  • เป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูก : ลูกมักจะเลียนแบบพ่อแม่ หากเราแสดงออกให้ลูกเห็น ลูกก็จะแสดงอาการกลัวเช่นกัน เด็กๆ มักเชื่อว่า ถ้าอะไรปลอดภัยสำหรับพ่อแม่ สิ่งนั้นจะต้องปลอดภัยสำหรับสำหรับเขาด้วยเช่นกันค่ะ
  • ไม่ให้ลูกดูอะไรที่น่ากลัว : เพราะว่าเด็กยังไม่สามารถแยกแยะความจริงกับเรื่องสมมติได้ เขามักจะจินตนาการและกลัวในสิ่งที่ไม่เห็น กลัวปีศาจในทีวี กลัวผีใต้เตียงจากภาพยนตร์ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงและให้เขาได้เรียนรู้ความแตกต่างระหว่างจินตนาการและความจริงค่ะ
  • คอยอยู่เคียงข้าง : คุณพ่อคุณแม่ต้องแสดงความรักกับเขาและคอยอยู่กับเขาเพื่อ ปกป้องลูกจากสิ่งอันตราย เมื่อเขาไม่กลัวและรู้สึกมั่นใจแล้ว อาการกลัวก็จะลดลงไปเองค่ะ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : Trueplookpanya, Babybbb , คุณหมอสุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ , Rakluke , ดร.สุพาพร

Writer Profile : Jicko

  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
ไลฟ์สไตล์ ไลฟ์สไตล์
เคยกลับบ้านมาแล้วกรี๊ดลั่นบ้านเพราะเจ้าตัวแสบไปวิ่งเล่นเลอะเทอะกันไหมคะ ? หรือแต่งตัวลูกอย่างดีไปทานข้าวนอกบ้าน แต่คุณลูกก็ทำซอสหกใส่ ไอติมหล่นไปเป็นก้อน เละทั้งตัว วันนี้ ParentsOne มีเสื้อเด็กที่เจ๋งมากๆ จาก GQ : the good day lab™ มาลองรีวิวให้ได้ชมกันค่ะ 🛒 ช้อปเลยที่ -> https://gqsize.link/bZT7Sx แกะกล่อง GQ : the good day lab™ เสื้อเด็ก ฟีเจอร์เพียบ คุณภาพ GQ ขึ้นชื่อว่า GQ ก็มั่นใจได้เรื่องคุณภาพค่ะ ผ้านุ่ม เบาบาง เหมาะกับอากาศเมืองไทย ใส่วิ่งสบายๆ ที่แปลกตาคือเป็นเสื้อที่ไม่มีป้ายแท็กค่ะ ทั้งด้านหลังคอเสื้อ หรือข้างใน ไม่ต้องห่วงว่าจะเคืองหรือคันเลย กระดุมแข็งแรงเอามากๆ ใช้แรงผู้ใหญ่ดึงแรงๆ ก็ไม่มีปัญหาเลย ไฮไลท์สำคัญที่คุณแม่แทบกรี๊ด คือเป็นไม่เปื้อนค่าาาา เทน้ำ เทนมใส่เสื้อ ไม่เปียกเลย สะบัดสองที หายปกติ ซึ่งถ้าใครเคยเห็นโฆษณา GQ ที่เสื้อเชิ้ตขาวไปทำงานคุณพ่อ โดนกาแฟหกใส่ แต่ผ้าไม่เปื้อนเลย เทคโนโลยีผ้าสะท้อนน้ำ ตอนนี้มาอยู่ในเสื้อเด็กแล้ววววว ทีมงานทดสอบเทน้ำสีผสมอาหาร นม หรือแม้แต่ซอสมะเขือเทศลงบนเสื้อ ก็ไม่เปื้อนค่ะ ไม่น่าเชื่อมากๆ ข้อดีที่สุดของผ้าแบบนี้ คือทำให้ชีวิตคุณแม่สบายขึ้นมาก พาลูกไปเที่ยว วิ่งเล่นสนามหญ้า พาไปทานก๋วยเตี๋ยว หรือให้ทานอะไร ก็ไม่ต้องกลัวเสื้อสวยๆ เลอะ แถมประหยัดเวลาซักผ้าด้วย ไม่ต้องมาคอยแช่ผ้าให้คราบมันออกแบบสมัยก่อน สำหรับเสื้อเด็ก the good day lab™…
8 ธันวาคม 2566

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save