fbpx

8 วิธี ปราบอาการ "แพ้ท้อง" ขั้นเทพ

Writer : nunzmoko
: 26 กันยายน 2560

อาการแพ้ท้อง (Morning sickness) เป็นอาการหรือความรู้สึกไม่สบายที่เกิดขึ้นกับหญิงตั้งครรภ์มากกว่า 80-90% ส่วนใหญ่มักมีอาการคลื่นไส้อาเจียน วิงเวียนศีรษะ เหนื่อยง่าย อ่อนเพลียมากกว่าปกติ โดยเฉพาะช่วงตื่นนอนตอนเช้า ซึ่งอาการเหล่านี้จะดีขึ้นเมื่อมีอายุครรภ์มากกว่า 3 เดือน แต่หากพบว่า มีอาการแพ้ท้องที่หนักกว่านี้ เช่น อาเจียนบ่อย จนคออักเสบ และพบว่าตัวเองไม่สามารถกินอะไรได้เลย ควรปรึกษาแพทย์โดยด่วน สำหรับสาเหตุของอาการแพ้ท้องนั้นเป็นผลมาจากร่างกายมีระดับฮอร์โมนที่ชื่อว่า “HCG” (Human Chorionic Gonadotropin) ในร่างกายเพิ่มสูงขึ้นจนทำให้คุณแม่เกิดความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ วันนี้มีวิธีที่จะช่วยคุณแม่ลดอาการแพ้ท้องมาฝากค่ะ

8 วิธีช่วยลดอาการแพ้ท้อง

1. จิบน้ำขิง

เมื่อรู้สึกคลื่นไส้อาเจียนให้จิบน้ำอุ่นหรือดื่มน้ำขิงอุ่นๆ (ควรเป็นขิงแท้ 100% ไม่ผสมน้ำตาล) เพราะขิงสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดท้อง ท้องอืด ท้องผูก และอาการคลื่นไส้ได้

2. ดื่มน้ำมะนาว

ทานหรือดื่มอะไรที่มีรสเปรี้ยว เช่น มะนาว อาจจะฝานมะนาวแผ่นบางๆ ลงไปในน้ำชาหรือผสมน้ำแร่กับน้ำมะนาวดื่ม ก็ช่วยลดอาการแพ้ท้องได้มากค่ะ

3. แบ่งมื้ออาหารเป็นมื้อย่อยๆ

คุณแม่ควรทานอาหารทีละน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง อาจแบ่งอาหารออกเป็นมื้อย่อยๆ ประมาณ 5-6 มื้อต่อวัน และเลือกรับประทานอาหารอ่อนๆ ที่ย่อยง่าย เป็นมิตรกับกระเพาะอาหาร เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม ซุปผักต่างๆ เพราะจะทำให้ร่างกายดูดซึมอาหารได้เต็มที่ และช่วยลดอาการแน่นท้องของคุณแม่ได้อีกด้วย

4. ออกไปเดินช้อปปิ้ง

มีบทความตีพิมพ์จากงานวิจัยของชาวอเมริกันบทความหนึ่งพบว่า การเดินไปเดินมาสามารถช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องได้ รวมไปถึงอาการอื่นๆ ที่เกิดขึ้นกับหญิงตั้งครรภ์ด้วย เช่น อาการจุกเสียด นอกจากจะช่วยคุณแม่ลดอาการแพ้ท้องแล้ว การออกไปเดินช้อปปิ้งยังทำให้คุณแม่ลดอาการเครียดได้อีกด้วยค่ะ

5. ทานเบาๆ ก่อนนอน

คุณแม่อาจหาอะไรเบาๆ ทานก่อนนอน เช่น นมสักแก้ว โยเกิร์ต ขนมปัง จะช่วยป้องกันอาการแพ้ท้องตอนเช้าวันรุ่งขึ้น หรืออาจจะทานเป็นขนมปังกรอบ แครกเกอร์ หลังตื่นนอนในตอนเช้าเพื่อไม่ให้ท้องว่างนานจนเกินไป

6. ผลไม้ช่วยได้

มีผลไม้หลายชนิดที่ช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องของคุณแม่ได้ เช่น ส้ม สับปะรด ช่วยในการย่อยอาหารและรักษาอาการคลื่นไส้ และ กล้วย ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำตาลในเลือดและบรรเทาอาการแพ้ท้อง ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ควรรับประทานในปริมาณที่พอดีไม่มากจนเกินไปค่ะ

7. ไม่แปรงฟันหลังอาหารทันที 

ที่ควรเลี่ยงการแปรงฟันหลังอาหารเพราะแปรงสีฟันที่คุณแหย่เข้าไปในปากอาจทำให้คุณอยากอาเจียนได้ หรือถ้าทนรสชาติยาสีฟันที่ใช้อยู่ไม่ไหว ลองหันไปใช้ยาบ้วนปากดูบ้างก็ได้ค่ะ

8. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

การดื่มน้ำให้เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญของหญิงตั้งครรภ์ ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว จะช่วยลดอาการคลื่นไส้ได้ แต่คุณแม่ต้องค่อยๆ จิบนะคะ เพราะถ้าดื่มคราวละมากๆ ก็จะเป็นผลเสียทำให้คลื่นไส้ได้ค่ะ

 

ที่มา – medthai

Writer Profile : nunzmoko

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



สิทธิประโยชน์ “ฝากครรภ์ฟรี” ปี 60
ข้อมูลทางแพทย์
8 ข้อกังวลของแม่ตั้งครรภ์
เตรียมตัวเป็นแม่
เตรียมตัวเป็นแม่ เตรียมตัวเป็นแม่
25 กันยายน 2560
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save