fbpx

แบบทดสอบ คุณกำลังเลี้ยงลูกแบบพ่อแม่รังแกฉันอยู่รึเปล่า ?

Writer : Lalimay
: 10 กรกฏาคม 2561

“พ่อแม่รังแกฉัน” เป็นคำที่ได้ยินกันมาอย่างช้านาน และแน่นอนว่าคงไม่มีพ่อแม่คนไหนที่อยากเลี้ยงลูกแบบนั้นใช่ไหมคะ? แต่บางครั้งมันอาจแฝงอยู่กับพฤติกรรมการเลี้ยงลูกของเราแบบไม่คาดคิด วันนี้เราเลยทำแบบสอบถามมาให้คุณพ่อคุณแม่ลองทำกันดู จะได้สำรวจตัวเองว่ามีวิธีการเลี้ยงลูกแบบไหนที่เราเผลอทำร้ายลูกโดยไม่รู้ตัวรึเปล่าค่ะ

คำชี้แจง : จงเติม ✔ หน้าข้อที่คุณกำลังเป็น

❒ 1. คุณตามใจลูกจนเกินไป

พ่อแม่ที่ยอมให้ลูกทุกอย่าง ไม่ว่าลูกจะขออะไรก็ให้ไม่เคยขัด แม้ว่าสิ่งนั้นจะไม่เหมาะ ไม่ควรก็ตาม อีกทั้งยังไม่มีการจำกัดขอบเขตหรือข้อจำกัดใดๆ ทั้งสิ้น การทำแบบนี้จะทำให้ลูกกลายเป็นคนมีนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง อยากได้อะไรต้องได้ ใครขัดใจไม่ได้ จึงทำให้เป็นคนมีนิสัยก้าวร้าว เห็นแก่ตัว

❒ 2. คุณไม่ให้ลูกลองทำอะไรด้วยตนเองบ้าง

พ่อแม่ย่อมรักและหวังดีกับลูกอยู่เสมอ ไม่อยากให้ลูกลำบาก จึงมีพ่อแม่บางคนที่คอยดูแล ทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ลูกอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นป้อนข้าว เตรียมเสื้อผ้า จัดกระเป๋าหนังสือ หรือแม้แต่นั่งทำการบ้านให้ลูก ลูกแทบจะไม่ต้องทำอะไร เพราะพ่อแม่คอยทำให้ทุกอย่าง การทำแบบนี้จะทำให้ลูกกลายเป็นเด็กที่ไม่รู้จักช่วยตัวเอง มีแนวโน้มจะเป็นเด็กติดสบาย ขาดความมุ่งมั่น ขาดความพยายามในเรื่องต่างๆ อาจจะไม่มีความมั่นใจว่าจะทำอะไรได้เอง เพราะแทบไม่เคยมีโอกาสได้ทดลองทำด้วยตัวเอง

❒ 3. คุณเข้มงวดกับลูกมากเกินไป

การที่ให้ลูกอยู่ในกฎระเบียบ เชื่อฟังคำสั่งก็เป็นสิ่งที่ดี แต่หากว่ามากเกินไปนั่นอาจส่งผลเสียมากกว่าที่คิด เพราะการเข้มงวดกับลูก ลูกต้องทำทุกอย่างที่พ่อแม่สั่งเป๊ะๆ ตารางชีวิตแน่นเอียด ไม่ได้ออกไปเล่นหรือทำกิจกรรมสร้างสรรค์อื่นๆ เลย อาจทำให้เด็กปรับตัวเข้ากับสังคมได้ยาก และมีแนวโน้มเป็นเด็กขี้โกหกและขี้โกง เพราะมีแรงกดดันมาบีบบังคับให้เขาทำแบบนั้น ยิ่งเราบีบเขายิ่งหนี ย่อมไม่เกิดผลดีต่อทั้งสองฝ่าย

❒ 4. คุณจัดการแทนลูกทุกอย่าง

การที่จัดการแทนลูกทุกอย่าง วางแผนทุกอย่างให้ลูกไว้เรียบร้อย ลูกต้องทำแบบนั้น แบบนี้ ให้ลูกเดินตามเส้นทางที่มีกลีบกุหลาบโปรยไว้ ไม่ให้ลูกลองเจอกับความลำบากบ้าง เแล้ววันไหนที่ลูกจะโต? การทำแบบนี้เขาจะทำอะไรเองไม่เป็น คิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างได้มาแบบง่ายๆ ขาดความอดทนเมื่อเจอความยากลำบากในอนาคต

❒ 5. คุณตรวจสอบลูกตลอดเวลา

พฤติกรรมการสำรวจตรวจตราทุกสิ่งอย่างที่เข้ามาในชีวิตของลูก ไม่ว่าลูกไปไหน ทำอะไร พ่อแม่จะคอยโทรเช็กทุกๆ ชั่วโมง ดูเหมือนว่าไม่มีความเชื่อใจลูกเลยแม้แต่นิดเดียว การทำแบบนั้นจะทำให้ลูกรู้สึกอึดอัด ไม่มีความมั่นใจ ไม่อยากพูดความจริงกับพ่อแม่

❒ 6. คุณคาดหวังกับลูกมากเกินไป

ความคาดหวังที่มากเกินไป อาจทำร้ายทั้งเราและลูก พ่อแม่บางคนมีพฤติกรรมที่เคี่ยวเข็ญให้ลูกทำสิ่งต่างๆ ตามที่คนเป็นพ่อแม่คาดหวัง เช่น ให้ลูกเร่งรัดฝึกหัดสาระเรียนรู้ที่เร็วหรือก้าวหน้ากว่าระดับอายุสมองหรือวัยที่เหมาะสม อยากให้ลูกเรียนรู้ไวๆ จะได้อยู่นำหน้าคนอื่น ทั้งๆ ที่อาจเป็นสิ่งไม่จำเป็น หรือคาดหวังให้ลูกต้องเรียนในสิ่งที่เราต้องการ เพราะเห็นว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของลูก แต่ได้โปรดอย่าลืมว่าลูกไม่ได้เป็นตัวแทน “ความฝัน” ของใครนะคะ

❒ 7. คุณปล่อยปละละเลย ไม่สนใจลูก

มีพ่อแม่มากมายที่มุ่งแต่การทำงาน หรือเรื่องส่วนตัวของตนเองโดยไม่มีเวลามาสนใจลูกและลืมไปว่ามีคนตัวเล็กๆ คนนี้รอให้พวกเขาสนใจและใส่ใจอยู่เสมอ ซึ่งวิธีที่พวกเขาชดเชยเวลาที่เสียไปให้แก่ลูก คือการใช้เงินและสิ่งของในการแก้ปัญหา แต่จริงๆ แล้ว สิ่งที่ลูกต้องการที่สุดคือ “คุณ” ค่ะ การที่พ่อแม่ทอดทิ้ง ปล่อยปละละเลยลูกจะทำให้เขารู้สึกอ้างว้าง ขาดความอบอุ่น คิดว่าพ่อแม่ไม่รัก ซึ่งทำให้ลูกโตขึ้นมาเป็นคนขี้เหงา เข้ากับคนอื่นได้ยากและขาดความเชื่อมั่นในตนเอง

❒ 8. คุณให้เทคโนโลยีเป็นพี่เลี้ยงของลูก

ไม่ว่าจะทำอะไร หรืออยู่ที่ไหน คุณมักจะยื่นสมาร์ทโฟนหรือแทปเล็ตเป็นของเล่นให้ลูกรึเปล่า เพราะเห็นว่าพอลูกเล่นแล้วก็อยู่เฉยๆ นั่งอยู่หน้าจอได้นานเป็นชั่วโมงๆ ไม่ร้องไห้โวยวายหรือเรียกร้องอะไรเลย การที่คุณปล่อยให้เทคโนโลยีกลายเป็น ‘พี่เลี้ยง’ ของลูก จะทำให้คุณเสียใจอย่างแน่นอน เพราะผลเสียของการให้ลูกใช้เทคโนโลยีแต่เด็กจะส่งผลเสียต่อร่างกาย ทั้งดวงตา สมอง พัฒนาการด้านต่างๆ

จะดีกว่าไหม ถ้าเรากำหนดเวลาให้เขาเล่นเมื่อถึงวัยที่เหมาะสม และให้เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ คลุกคลีอยู่กับเรา สร้างสายสัมพันธ์ของครอบครัวให้แนบแน่น

❒ 9. คุณเป็นแบบอย่างที่ไม่ดี เช่น พูดคำหยาบ โกหก ดื่มเหล้าสูบบุหรี่

พ่อแม่ก็เปรียบเสมือนกระจกสะท้อนเงาของลูก พ่อแม่เป็นอย่างไรลูกก็เป็นอย่างนั้น หากพ่อแม่เป็นแบบอย่างที่ไม่ดี เช่น พูดคำหยาบ ขี้โกหก ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ชอบใช้ความรุนแรง ลูกผู้ที่คลุกคลีกับพ่อแม่มากที่สุดก็จะซึมซับนิสัยเหล่านั้น จนกลายเป็นพฤติกรรมของตนเองโดยไม่รู้ตัว

ขอบคุณข้อมูลจาก

Writer Profile : Lalimay

  • Blog :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



อาหาร อาหาร
21 พฤศจิกายน 2560
รู้จักกับกระเป๋านักเรียน “รันโดะเซะรุ”
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
ตัวตนของลูก คือทางของลูก
ชีวิตครอบครัว
Update
ไลฟ์สไตล์ ไลฟ์สไตล์
เคยกลับบ้านมาแล้วกรี๊ดลั่นบ้านเพราะเจ้าตัวแสบไปวิ่งเล่นเลอะเทอะกันไหมคะ ? หรือแต่งตัวลูกอย่างดีไปทานข้าวนอกบ้าน แต่คุณลูกก็ทำซอสหกใส่ ไอติมหล่นไปเป็นก้อน เละทั้งตัว วันนี้ ParentsOne มีเสื้อเด็กที่เจ๋งมากๆ จาก GQ : the good day lab™ มาลองรีวิวให้ได้ชมกันค่ะ 🛒 ช้อปเลยที่ -> https://gqsize.link/bZT7Sx แกะกล่อง GQ : the good day lab™ เสื้อเด็ก ฟีเจอร์เพียบ คุณภาพ GQ ขึ้นชื่อว่า GQ ก็มั่นใจได้เรื่องคุณภาพค่ะ ผ้านุ่ม เบาบาง เหมาะกับอากาศเมืองไทย ใส่วิ่งสบายๆ ที่แปลกตาคือเป็นเสื้อที่ไม่มีป้ายแท็กค่ะ ทั้งด้านหลังคอเสื้อ หรือข้างใน ไม่ต้องห่วงว่าจะเคืองหรือคันเลย กระดุมแข็งแรงเอามากๆ ใช้แรงผู้ใหญ่ดึงแรงๆ ก็ไม่มีปัญหาเลย ไฮไลท์สำคัญที่คุณแม่แทบกรี๊ด คือเป็นไม่เปื้อนค่าาาา เทน้ำ เทนมใส่เสื้อ ไม่เปียกเลย สะบัดสองที หายปกติ ซึ่งถ้าใครเคยเห็นโฆษณา GQ ที่เสื้อเชิ้ตขาวไปทำงานคุณพ่อ โดนกาแฟหกใส่ แต่ผ้าไม่เปื้อนเลย เทคโนโลยีผ้าสะท้อนน้ำ ตอนนี้มาอยู่ในเสื้อเด็กแล้ววววว ทีมงานทดสอบเทน้ำสีผสมอาหาร นม หรือแม้แต่ซอสมะเขือเทศลงบนเสื้อ ก็ไม่เปื้อนค่ะ ไม่น่าเชื่อมากๆ ข้อดีที่สุดของผ้าแบบนี้ คือทำให้ชีวิตคุณแม่สบายขึ้นมาก พาลูกไปเที่ยว วิ่งเล่นสนามหญ้า พาไปทานก๋วยเตี๋ยว หรือให้ทานอะไร ก็ไม่ต้องกลัวเสื้อสวยๆ เลอะ แถมประหยัดเวลาซักผ้าด้วย ไม่ต้องมาคอยแช่ผ้าให้คราบมันออกแบบสมัยก่อน สำหรับเสื้อเด็ก the good day lab™…
8 ธันวาคม 2566

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save