fbpx

โรคสมาธิสั้นในเด็ก อาการผิดปกติทางอารมณ์และวิธีดูแล

Writer : blahblahboong
: 9 เมษายน 2562

คุณพ่อคุณแม่หลายๆ ท่านน่าจะเคยได้ยินชื่อ “โรคสมาธิสั้น” ที่เป็นอีกหนึ่งโรคฮิตในปัจจุบัน แน่นอนว่าพ่อแม่อีกหลายๆ ท่านมีความกังวลว่าเจ้าโรคนี้จะเกิดขึ้นกับลูกของตัวเองรึป่าว หรือเด็กๆ ที่เราเห็นอยู่นั้นกำลังประสบกับภาวะนี้อยู่หรือไม่ เรามาทำความรู้จักกับโรคนี้ก็อย่างละเอียด ทั้งสาเหตุ อาการ รวมไปถึงแนวทางกันรักษากันให้มากขึ้น

โรคสมาธิสั้น

  • Attention deficit hyperactivity disorder หรือ ADHD
  • อาการผิดปกติทางพฤติกรรมและอารมณ์
  • อาจจะเริ่มมีอาการตั้งแต่อายุ 3 – 6 ปี
  • อาการแสดงออกชัดเจนสามารถวินิจฉัยได้ตอนอายุ 6 – 12 ปี

สาเหตุ

  • ความผิดปกติของสารเคมีในสมองที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสมาธิ เช่น โดปามีน (Dopamine) นอร์อิพิเนฟริน (Norepinephrine)
  • ความผิดปกติของสมองส่วนหน้า (Frontal cortex) ที่คอยควบคุมสมาธิและการตื่นตัว
  • พันธุกรรม
  • ปัจจัยเสริมอื่นๆ อย่าง สิ่งแวดล้อม, การเลี้ยงดู

อาการ

  • ขาดสมาธิ (Attention Deficit)

เด็กจะวอกแวกง่าย ขาดความตั้งใจในการทำงาน โดยเฉพาะงานที่ต้องใช้ความคิด มักจะมีอาการเหม่อลอยบ่อยๆ ทำงานไม่เสร็จ ผลงานไม่เรียบร้อย ตกๆ หล่นๆ และมีลักษณะขี้ลืม ทำของหายเป็นประจำ

  • ซนไม่อยู่นิ่ง (Hyperactivity)

ซน อยู่ไม่สุข ยุกยิกตลอดเวลา นั่งนิ่งๆ ไม่ค่อยได้ ต้องลุกเดินขยับตัวไปมา ชอบเล่นผาดโผน ปีนป่าย ใช้เสียงดัง มักประสบอุบัติเหตุจากความซนบ่อยๆ พูดมากและชอบแกล้งเด็กคนอื่น

  • วู่วาม ใจร้อน (Impulsivity)

มีอารมณ์หุนหันพลันแล่น ขาดความระมัดระวัง รอคอยอะไรไม่ได้ ชอบพูดแทรกระหว่างที่คนอื่นกำลังคุยกัน

การดูแลและแนวทางการรักษา

  • ใช้ยาเพิ่มสมาธิ
  • จัดตารางกิจวัตร ฝึกฝนการควบคุมตัวเอง
  • สร้างสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม
  • มองหาจุดเด่นและความสามารถด้านอื่นๆ

 

อ้างอิง

Honest Docs

Parenting a Child With ADHD

Writer Profile : blahblahboong

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



ในวันที่ “แม่” รู้สึก “กลัว”
ชีวิตครอบครัว
เด็กสมองไว พ่อแม่สร้างได้
ข้อมูลทางแพทย์
CAR SEAT กับเด็กแต่ละช่วงอายุ
ข้อมูลทางแพทย์
ชีวิตครอบครัว ชีวิตครอบครัว
13 กุมภาพันธ์ 2561
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save