fbpx

แม่จ๋า ขาหนูเป็นแบบนี้เรียกว่า "ขาโก่ง" รึเปล่านะ

Writer : Lalimay
: 20 สิงหาคม 2561

คุณพ่อคุณแม่หลายคนน่าจะเคยได้ยินคนโบราณพูดกันว่าลูกเกิดมาขาโก่งแล้วต้องดัดขา แต่รู้ไหมคะว่าการดัดขานั้นเป็นอันตรายต่อลูกมากๆ รวมไปถึงความเชื่อที่ว่าลูกจะขาโก่งถ้าใส่ผ้าอ้อมหรืออุ้มเข้าเอวก็เช่นกัน จริงๆ แล้ว ขาโก่งในเด็กไม่ใช่ภาวะอันตราย ดังนั้นเราไปทำความเข้าใจเรื่องขาโก่งกันให้มากขึ้นดีกว่าค่ะ จะได้ดูแลเจ้าตัวเล็กได้อย่างถูกต้อง

ภาวะขาโก่งในเด็ก

ขาโก่ง เป็นอาการที่เมื่อยืนตรง ส้นเท้าชิดกันแต่เข่าทั้งสองข้างไม่สามารถมาชนกันได้ ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างขาทั้ง 2 ข้าง ซึ่งคุณแม่ๆ มักจะเป็นกังวลว่าลูกจะมีอาการขาโก่งแล้วส่งผลให้เกิดผลเสียสุขภาพและต่อบุคลิกภาพในอนาคต แต่ขอบอกก่อนค่ะว่าภาวะขาโก่งในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบเป็นเรื่องปกตินะคะ คุณแม่ไม่ต้องเป็นกังวลไป

โดยภาวะขาโก่งเกิดจากขณะที่ลูกอยู่ในท้องแม่นั้นจะมีการขดตัว เพราะว่าอยู่ในที่แคบ จึงต้องงอแขนงอขาให้ได้มากที่สุด ทำให้กล้ามเนื้อบางมัด เส้นเอ็นบางเส้นตึงมากกว่าอีกด้านหนึ่ง ลักษณะของกระดูกจึงไม่ตรง โดยเฉพาะส่วนขาที่บริเวณหัวเข่าจะแบะออก นอกจากนี้ในเด็กช่วงวัย 1-2 ปี ซึ่งเป็นช่วงหัดเดิน การทรงตัวยังไม่มั่นคง เด็กจะเดินขาถ่างๆ หน่อย เข่างอเล็กน้อยจึงทำให้เหมือนว่าขาโก่ง แต่เมื่อลูกโตขึ้น แขนขามีการเหยียดยืดมากขึ้น  กระดูกของเขาก็จะตรงขึ้นเมื่ออายุ 2 ขวบขึ้นไป

สรีระของขาตามช่วงวัย

  • 0-1 ขวบ วัยนี้จะมีอาการขาโก่งเป็นปกติ โดยจะเห็นเป็นลักษณะโค้งชัดเจน เมื่อลูกเริ่มเดินก็จะมีการเดินขาถ่างมากน้อยตามแต่ละคน
  • 1.5 ขวบ แนวกระดูกของลูกจะค่อยๆ เปลี่ยนไปตรงขึ้นเมื่ออายุ 2 ขวบ อย่างช้าคือไม่เกิน 3 ขวบ
  • 3.5 ขวบ ในช่วงนี้ขาเด็กจะโก่งเข้าด้านในเหมือนขาเป็ด โดยปกติแล้วต้นขากับน่องจะทำมุมกันไม่เกิน 10-15 องศา ถ้าเกินกว่านั้นควรไปพบแพทย์
  • 7 ขวบ เมื่อเด็กอายุมากขึ้นแนวของขาจะโก่งเข้าด้านในเล็กน้อยประมาณ 7 องศา

ขาโก่งแบบไหนถึงต้องรักษา

ถึงแม้ว่าภาวะขาโก่งในเด็กจะเป็นภาวะที่หายได้เองเมื่อลูกโตขึ้น แต่ก็มีบ้างเหมือนกันที่หลังจากอายุ 2 ขวบแล้วขาของลูกกลับไม่ตรงเหมือนที่ควรจะเป็น โดยวิธีการดูคือจับขาให้เหยียดตรง โดยให้ตาตุ่มด้านในอยู่ชิดกันมากที่สุด แล้วสังเกตว่าด้านในของข้อเข่าอยู่ห่างกันเกิน 5 ซม. รวมไปถึงควรสังเกตการเดินของลูกว่าผิดปกติไหม เวลายืนหรือเดินจะหมุนขาเข้าด้านใน เดินกระเผลกรึเปล่า  ถ้ามีความผิดปกติก็ควรไปปรึกษาแพทย์ค่ะ

ความเชื่อผิดๆ เรื่องขาโก่ง

  • ขาโก่งเพราะใส่ผ้าอ้อม ❌
  • ขาโก่งเพราะอุ้มลูกเข้าเอว ❌
  • ดัดขาช่วยแก้ขาโก่ง ❌

คุณแม่อาจจะเคยได้ยินความเชื่อเหล่านี้มาบ้าง ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นความเชื่อที่ผิดค่ะ เพราะการใส่ผ้าอ้อมหรืออุ้มลูกเข้าเอวนั้นไม่ได้เป็นการทำให้ลูกขาโก่งแต่อย่างใด แต่แท้จริงแล้วเป็นการช่วยรักษาภาวะข้อสะโพกเคลื่อนได้ด้วย ส่วนเรื่องการดัดขานั้นค่อนข้างอันตรายมากทีเดียว เพราะอย่างที่บอกไปว่าเด็กตัวเล็กๆ เท้าและขายังไม่เข้าที่เข้าทาง การดัดขาอาจทำให้ลูกบาดเจ็บได้ค่ะ

ข้อมูลอ้างอิงจาก

Writer Profile : Lalimay

  • Blog :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



จะรู้ได้ยังไง ว่าลูกเป็น “สมาธิสั้น”
เตรียมตัวเป็นแม่
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save