fbpx

อยากได้ลูกชายไม่ยาก มาดูวิธีเลือกเพศลูกโดยวิธีธรรมชาติ!

Writer : nunzmoko
: 27 ธันวาคม 2561

พฤติกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะการกินของคุณแม่หรือสภาพแวดล้อมต่างๆ มีผลต่อเพศของลูก ซึ่งมีหลักฐานที่ระบุว่า ร่างกายของผู้เป็นแม่จะช่วยพัฒนาการในตัวอ่อนตัวผู้หรือตัวเมียได้จากพฤติกรรมการกินอาหาร สำหรับคุณแม่ที่ต้องการลูกผู้ชายไปดูกันเลยว่าควรปฎิบัติตัวอย่างไรบ้าง

1.  ทานอาหารเลือกเพศลูกได้

อาหารที่ทำให้ร่างกายและช่องคลอดมีสภาวะเป็นด่าง เพื่อส่งเสริมการขับเคลื่อนฝีเท้าของสเปิร์มเพศชายได้เป็นอย่างดีก็คือ เกลือโซเดียม และโพแทสเซียม จะช่วยปรับความเป็นกรดด่างในร่างกายของคุณให้เหมาะสมกับการปฏิสนธิลูกชาย โซเดียมมีมาในเกลือ บ๊วยเค็ม น้ำปลาปนเกลือ ของจิ้มพริกกับเกลือ  ปลาทะเล ปลาเค็ม ปลาแห้ง ปลากรอบ เนื้อต่างๆ เช่น เนื้อเค็ม

  • ผัก ผลไม้ ได้แก่ เห็ด อะโวคาโด มะเขือเทศสด ผักผลไม้สด
  • โปรตีนและไขมัน ได้แก่ ปลาทะเล ปลาเค็ม ปลาแห้ง ไข่ไก่ 2 ฟองต่อสัปดาห์ เนยเค็ม
  • คาร์โบไฮเดรต ได้แก่ ขนมปังขาว เค้ก แยม
  • อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ ช็อคโกแลต โกโก้ กุ้ง ปู หอย ผักโขม มะกอก

2. ทานอาหารเช้า

อาหารที่คุณแม่กิน มีอิทธิพลต่อเพศและสุขภาพของทารกที่จะเกิดขึ้น โดยรูปแบบการกินอาหารในช่วงหนึ่งปีก่อนตั้งครรภ์พบว่าผู้หญิงที่กินซีเรียลเป็นอาหารเช้าทุกวันมีโอกาสได้ลูกชายมากกว่าคุณแม่ที่กินน้อยกว่าอาทิตย์ละ 1 ชามถึง 87% ซึ่งการที่คุณแม่กินซีเรียลน้อย (ซึ่งในต่างประเทศจะกินซีเรียลเป็นอาหารเช้า) ส่งผลให้น้ำตาลในเลือดลดลง ทำให้ตัวอ่อนเพศชายนั้นอยู่รอดได้ยากในสภาพแวดล้อมที่มีน้ำตาลน้อยนั่นเอง

3. จำนวนแคลอรี่ในแต่ละวัน

อาหารที่มีแคลอรีสูงมักจะทำให้ได้ลูกชาย คุณแม่ที่ได้ลูกชายนั้นโดยเฉลี่ยแล้วได้รับพลังงานในแต่ละวันมากกว่าคุณแม่ที่ได้ลูกสาวถึง 400 แคลอรี่

4. สภาพอากาศก็มีผล

เนื่องจากสเปิร์มวาย วิ่งเร็ว ปราดเปรียว และตายง่าย ตรงกันข้ามกับสเปิร์มเอ็กซ์ อุ้ยอ้าย วิ่งช้า และตายยาก หากมีเพศสัมพันธ์ในที่ที่ มีอากาศอุ่นสบายมักจะได้ลูกผู้ชาย เพราะสเปิร์มวายทนหนาวไม่ได้

5. มีเพศสัมพันธ์ในวันไข่ตก 

ในกรณีที่ประจำเดือนรอบละ 28 วันหากมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ไข่ตก ซึ่งมักเป็นวันที่ 14 ของประจำเดือนมักเป็นลูกชาย

ได้ผลหรือไม่ก็อย่าลืมสิ่งที่สำคัญ คืออย่าเคร่งเครียดเกินไป ควรทำใจเป็นกลางและยอมรับกันและกันให้ได้ตั้งแต่ต้นก่อนว่าไม่ว่าจะเพศใด ลูกก็คือของขวัญอันยิ่งใหญ่ที่เราได้รับมานั่นเองค่ะ

ที่มา :

Writer Profile : nunzmoko

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



สิทธิประโยชน์ “ฝากครรภ์ฟรี” ปี 60
ข้อมูลทางแพทย์
8 ข้อกังวลของแม่ตั้งครรภ์
เตรียมตัวเป็นแม่
ท้องตอนอายุ 35 มีปัญหาหรือไม่ ?
เตรียมตัวเป็นแม่
7 อาหารเสี่ยงท้องเสียสำหรับคุณเเม่
เตรียมตัวเป็นแม่
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save